ผิวผสม เป็นปัญหาที่น่าปวดหัวของสาว ๆ หลาย ๆ คน โดยเฉพาะสาวเอเชียอย่างบ้านเรา ด้วยสภาพอากาศและผิวหน้าของแต่ละคนที่แตกต่างกัน หลายคนจึงพยายามมองหาสกินแคร์ผิวผสมที่ตอบโจทย์ ว่าผิวผสม ใช้อะไรดี ที่จะสามารถฟื้นฟูผิวหน้าและช่วยลดหน้ามันได้ไม่มากก็น้อย
ด้วยความที่ปัญหาผิวผสม เป็นการดูแลผิวที่ค่อนข้างควบคุมยากเนื่องจากผิวหน้าจะมีทั้งความมันและความแห้งอยู่ด้วยกัน วิธีดูแลผิวผสมจึงเป็นความรู้ที่เพื่อน ๆ ควรศึกษาเอาไว้เป็นอาวุธติดตัวเลยว่าผิวผสม ดูแลยังไง และผิวผสมใช้ครีมอะไรดี
วันนี้เราเลยจะมาพูดถึง Skincare ผิวผสม และแนะนำมอยเจอร์ไรเซอร์ผิวผสมที่ควรใช้เพื่อแก้หน้ามันที่ดีที่สุด ใครอยากรู้ว่าผิวผสม ใช้อะไรดี ตามมาดูกันเลยว่ามีอะไรบ้าง
ผิวผสม ใช้อะไรดี [สรุป]
- Hyaluronic Acid
- Salicylic Acid
- Retinol
- Niacinamide
ผิวผสม คืออะไร
ผิวผสม คือ การผลิตน้ำมันส่วนเกินที่มากเกินไปบริเวณ T-Zone ซึ่งก็คือ หน้าผาก / จมูก / และคาง ทำให้เกิดความมันที่มากกว่าบริเวณอื่น ในขณะเดียวกัน ผิวบริเวณแก้มกลับแลดูแห้งและขาดความชุ่มชื้น เป็นปัญหาที่ผิวที่คนส่วนใหญ่มักเป็นกันค่อนข้างมากเลยทีเดียว
สัญญาณที่บ่งบอกว่าเรามีผิวผสม สังเกตง่าย ๆ ได้จาก..
- ผิวมันบริเวณหน้าผาก / จมูก / คาง เป็นส่วนมาก
- รูขุมขนกว้าง
- บางช่วงเป็นสิวหัวดำ หรือ สิวหัวขาว
โดยสาเหตุของผิวผสม สามารถเกิดจากหลายปัจจัย เช่น พันธุกรรม อายุ อีกทั้งคุณ Tanya Kormeili แพทย์ผิวหนัง ยังกล่าวเสริมด้วยว่า เนื่องจากเกิดขึ้นจากร่างกายของเราเอง เราจึงไม่สามารถรักษาหรือเปลี่ยนแปลงสภาพผิวหน้าของตัวเองได้ จึงทำได้เพียงเลือกใช้สกินแคร์ผิวผสมโดยเฉพาะ
แต่ไม่ต้องกังวลไป ถึงแม้ว่าผิวผสมจะรักษาให้หายขาดไม่ได้ แต่เมื่ออายุเพิ่มมากขึ้น ผิวคนเราจะมีการผลิตน้ำมันที่ลดน้อยลง บางจุดที่เคยมัน ก็อาจกลายเป็นผิวแห้ง แน่นอนว่าฮอร์โมนที่เปลี่ยนไปตามกาลเวลาก็เป็นปัจจัยสำคัญที่มีส่วนทำให้สภาพผิวของแปรเปลี่ยนได้เช่นกัน
ผิวผสม ใช้อะไรดี
1.Hyaluronic Acid
อาจสังเกตได้ว่า ไม่ว่าจะเป็นโฟมล้างหน้า เซรั่ม หรือแม้แต่ครีมกันแดด ผิวผสม ก็มักจะต้องมี Hyaluronic Acid เป็นส่วนประกอบซะส่วนใหญ่ เพราะกรดตัวนี้ช่วยให้ผิวชุ่มชื้น และบำรุงผิวหน้าให้แข็งแรงอย่างมีประสิทธิภาพ
หลายคนคิดว่าการที่หน้าชุ่มชื้นมากเกินไป จะยิ่งทำให้หน้ามันหรือเปล่า? จริง ๆ แล้วสาเหตุหนึ่งที่ทำให้ผิวผสมผลิตน้ำมันมากจนเกินไป ก็เพราะรู้สึกว่าเกิดการขาดน้ำในผิวนั่นเอง
ดังนั้น ถ้าผิวหน้ามีความชุ่มชื้นและแข็งแรง ผิวจะกักเก็บน้ำได้มากขึ้น และช่วยให้ต่อมผลิตน้ำมันน้อยลงไปด้วย
2.Salicylic Acid
ผิวผสม ยังมีความมัน T-zone ซึ่งเป็นอีกสาเหตุหนึ่งของการเกิดสิว เพราะความมันทำให้เกิดรูขุมขนอุดตัน Salicylic Acid หรือ BHA จึงเป็นส่วนผสมที่ช่วยลดสิว พร้อมป้องกันแบคทีเรีย ทำให้ผิวไม่อุดตัน
เนื่องจากมีส่วนช่วยทำความสะอาดรูขุมขน ทั้งยังผลัดเซลล์ผิวให้กระจ่างใส ลดรอยสิวไปในตัว อีกทั้งยังทำให้รูขุมขนดูกระชับมากขึ้น เพราะไม่มีสิ่งตกค้างที่ไปเน้น ขยายรูขุมขนให้ดูใหญ่นั่นเอง
3.Retinol
สกินแคร์ผิวผสมหลายตัว มี Retinol เป็นส่วนประกอบ นอกจากจะมีคุณสมบัติช่วยกระชับรูขุมขน และต่อต้านริ้วรอยแล้ว ยังมีส่วนเร่งให้เกิดเซลล์ผิวใหม่ ทำให้หน้าขาวใส ลดสิวไปในตัว
อีกทั้งเรตินอล ยังสามารถควบคุมการผลิตน้ำมันให้มีค่าคงที่ อยากหน้าอ่อนเยาว์แถมยังหน้าใส แนะนำให้มองหาครีมผิวผสมที่มี Retinol เอาไว้ได้เลย
4.Niacinamide
Niacinamide ส่วนผสมที่ช่วยลดรอยสิวให้จางลง เผยผิวกระจ่างใส เหมาะกับคนผิวผสมมาก ๆ เลย เพราะนอกจากจะปลอบประโลมผิวจากการระคายเคืองแล้ว
ยังเป็นส่วนผสมสำคัญ ที่ช่วยลดความมันส่วนเกินบนผิวหน้าได้ดีมาก ๆ เป็นการลดหน้ามันอย่างมีประสิทธิภาพ ทั้งยังป้องกันการเกิดสิวด้วย!
อีกหนึ่งทริกของวิธีดูแลผิวผสม คือ การใช้ Niacinamide ร่วมกับ Retinol จะยิ่งเห็นผลลัพธ์ที่ดีขึ้นไปอีกด้วย
วิธีดูแลผิวผสม
ใช้ผลิตภัณฑ์ผลัดเซลล์ผิว 2-3 ครั้งต่อสัปดาห์
การเลือก Skincare ผิวผสม ที่มีคุณสมบัติช่วยควบคุมการผลิตน้ำมัน หรือ ปรับสมดุลผิว จะช่วยลดหน้ามันและลดการเกิดสิวได้ดีมาก ๆ เลย
ยกตัวอย่างเช่น เซรั่มลดสิว ที่สามารถปรับสมดุลผิว และมี BHA ลดหน้ามันตาม T-zone ช่วยป้องกันการเกิดสิวอุดตันได้ดี หากไม่มีปัญหาสิวมากนั่น ใช้เพียงสัปดาห์ละ 2-3 ครั้งก็เพียงพอ เป็นวิธีคุมสิวเกิดใหม่ไม่ให้ก่อตัวขึ้นง่าย ๆ ที่ดีเลยทีเดียว
หลีกเลี่ยงส่วนผสมที่ทำให้เกิดการอุดตันผิว
นอกจากส่วนประกอบของผิวผสมควรศึกษาไว้แล้ว การหลีกเลี่ยงส่วนผสมที่ก่อให้เกิดการอุดตัน ก็เป็นสิ่งที่จำเป็นไม่น้อยกว่ากัน เพราะอาจส่วนผสมบางอย่าง อาจไปกระตุ้นการผลิตน้ำมันบนผิวหน้า หรือทำให้ผิวเกิดความมันเยิ้มระหว่างวันได้
ยกตัวอย่างเช่น
- Coconut Oil
- Lanolin
- Laureth-4
- Cetyl Acetate
- Isopropyl Isostearate
- Lauric Acid
- Petroleum Jelly
- Silicones
หลีกเลี่ยงส่วนผสมที่อาจก่อให้เกิดการระคายเคืองผิว
ถึงจะหมดปัญหาอุดตันแล้ว ก็ต้องมาเจอกับปัญหาผิวระคายเคืองกันต่อ เพราะสาวผิวผสม แพ้ง่าย จะค่อนข้างไวต่อสิ่งเร้าเป็นพิเศษ
หากต้องการบำรุงผิวให้แข็งแรง ก็ควรหลีกเลี่ยงผลิตภัณฑ์ที่มีส่วนผสมของน้ำหอม หรือ แอลกอฮอล์ จะดีที่สุด เพื่อป้องกันการเกิดอาการแพ้หรือผื่นคันให้ดีที่สุดนั่นเอง
ใช้มอยเจอร์ไรเซอร์ Non-Comedogenic
ผิวผสม ใช้มอยเจอร์ไรเซอร์ Water-Based / Non-Comedogenic จะดีต่อสภาพผิวระยะยาวในแง่ลดความเสี่ยงการอุดตัน
ควรมองหา Emollient เป็นส่วนประกอบ เพื่อเพิ่มความชุ่มชื้นให้ผิวอย่างพอดีโดยไม่ก่อให้เกิดการอุดตัน เพราะสารเคลือบเก็บความชุ่มชื้น Occlusive อาจหนักผิวเกินไปสำหรับผิวผสม
สำหรับบริเวณหน้าแก้มที่ผิวแห้ง ก็อาจจะเลือกสูตรที่มี Emollient เข้มข้น จะช่วยกู้ผิวแห้งให้กลับมาสมดุลได้
แนะนำ สกินแคร์ผิวผสมยอดนิยม
สินค้า | เช็คส่วนลดที่ | จุดเด่น |
CERAVE Foaming Cleanser 520 บาท |
| |
Some By Mi AHA-BHA-PHA 30 Days Miracle Serum Light 720 บาท |
| |
Eucerin Ultrasensitive Aquaporin Nourishing Gel Cream 850 บาท |
| |
Round Lab Birch Juice Moisturizing Sunscreen SPF50+ PA++++ 700 บาท |
| |
Innisfree Retinol Cica Repair Ampoule 1,300 บาท |
|
ถึงแม้ว่าวิธีดูแลผิวผสมจะดูยุ่งยากและต้องใช้ความอดทนเป็นพิเศษ แต่เชื่อว่าทุกคนจะต้องผ่านมันไปได้อย่างแน่นอน เพียงหมั่นใช้สกินแคร์สำหรับผิวผสมเป็นประจำทุกวัน สามารถเริ่มต้นได้ที่ สกินแคร์ผิวผสม ตัวไหนดี กันได้เลย
นอกจากนี้ การใช้สกินแคร์รักษาสมดุลบนใบหน้าของชาวผิวผสม อาจเลือกตามสภาพอากาศได้ เพราะบางครั้งที่อากาศแห้ง หน้าอากาศดูแห้งกว่าปกติ และเมื่ออากาศร้อน ก็จะมันง่ายกว่าปกติ
สามารถปรับเปลี่ยนมอยเจอร์ไรเซอร์ตามสภาพอากาศได้เลย ถ้าอยากรู้เคล็บลับตั้งแต่ขั้นตอนการเลือกโฟมล้างหน้าผิวผสม ไปจนถึงครีมกันแดด สามารถอ่านบทความฉบับเจาะลึก ผิวผสมควรใช้สกินแคร์แบบไหน ได้ที่นี่เลย