อาการปวดท้องประจำเดือน เป็นอาการที่ทำให้ผู้หญิงหลาย ๆ คนไม่สบายตัว มีอาการปวดท้อง ปวดหลัง รวมถึงทำให้มีอารมณ์หงุดหงิด เนื่องจากอาการเจ็บปวด นอกจากนี้ยังมีการเปลี่ยนแปลงฮอร์โมนในร่างกายเพื่อช่วยขับประจำเดือน จึงยิ่งส่งเสริมให้อารมณ์ไม่คงที่มากขึ้นอีกด้วย
ดังนั้น การหาวิธีแก้อาการปวดท้องเมนส์ จะทำให้สาว ๆ สามารถลดอาการเจ็บปวดทางร่างกาย และช่วยลดอาการอารมณ์ไม่คงที่จากอาการไม่สบายตัว
ซึ่งบทความในวันนี้ จะเป็นวิธีแก้ปวดท้องประจําเดือน ฉบับเห็นผลจริง เผยเคล็ดลับที่จะช่วยให้ผู้หญิงรู้จักทางออกดี ๆ หลาย ๆ ทาง สำหรับการบรรเทาอาการปวดท้องประจำเดือน
วิธีแก้ปวดท้องประจําเดือน [สรุป]
- ประคบถุงน้ำร้อน เพื่อคลายกล้ามเนื้อ
- ออกกำลังกายแบบเบา ๆ
- เลือกทานอาหารที่ช่วยบำรุงร่างกาย
- นวดเบา ๆ บริเวณท้องน้อย
- ฝังเข็มเพื่อบรรเทาอาการปวด
- ทานยาแก้ปวดประจำเดือน
วิธีแก้อาการปวดท้องประจําเดือน
1.ประคบถุงน้ำร้อน เพื่อคลายกล้ามเนื้อ
วิธีบรรเทาอาการปวดท้องเมนส์ที่ได้รับความนิยมมาก คือ การประคบร้อนบริเวณท้องน้อย ไม่ว่าจะใช้ กระเป๋าน้ำร้อน, กระเป๋าน้ำร้อนไฟฟ้า, แผ่นแปะร้อน หรือ DIY ด้วยแก้วใส่น้ำร้อนวางบนผ้าก็ช่วยได้
โดยเฉพาะแผ่นแปะร้อน มีผลการศึกษาบอกว่าสามารถแก้ปวดท้องประจำเดือน ซึ่งอาจจะเห็นผลดีกว่าการทานยาไทลินอลเสียอีก อีกทั้งยังใช้ง่าย สะดวกกว่ากระเป๋าน้ำร้อนเป็นไหน ๆ
ไอร้อนที่แผ่ออกมา สามารถคลายกล้ามเนื้อมดลูก และกล้ามเนื้อบริเวณใกล้เคียง ทำให้ช่วยบรรเทาอาการปวดได้
นอกจากนี้ ผู้ที่มีอาการปวดหลังจากการมีประจำเดือน ก็สามารถประคบกระเป๋าน้ำร้อนบริเวณที่มีอาการปวดได้ อีกทั้งการแช่หรือการอาบน้ำอุ่น จะช่วยคลายกล้ามเนื้อบริเวณท้องน้อย หลัง และต้นขาไปได้พร้อม ๆ กัน
2.ออกกำลังกายแบบเบา ๆ
แม้ว่าวิธีการออกกำลังกาย จะเป็นวิธีแก้ปวดท้องเมนส์ที่สาว ๆ ทุกคนเลือกที่จะหลีกเลี่ยง เพราะแค่นอนเฉย ๆ ก็อาจจะทำให้รู้สึกปวดแล้ว แต่หากลองเปิดใจออกกำลังกายแบบเบา ๆ ดู อาจจะช่วยให้อาการปวดหายไปเลยก็ได้
แน่นอนว่าการออกกำลังกายหนัก ๆ มักจะไม่เหมาะกับผู้ที่มีอาการเจ็บปวด แต่การยืดกล้ามเนื้อเบา ๆ เช่น การเดิน หรือ การเล่นโยคะ อาจจะช่วยได้ เพราะการออกกำลังกาย จะทำให้เกิดการหลั่งสาร endorphins ซึ่งเป็นฮอร์โมนที่ช่วยลดอาการเจ็บปวดได้ตามธรรมชาติ
นอกจากนี้ จากการวิจัยยังพบว่า การเล่นโยคะอย่างต่อเนื่อง เพียงอาทิตย์ละ 2 ครั้ง อย่างน้อย 3 เดือน สามารถช่วยลดอาการปวดท้องเมนส์ได้อย่างเห็นได้ชัด
โดยท่าออกกำลังกายแก้ปวดท้องประจำเดือนง่าย ๆ มีดังนี้
- ท่า Child’s pose
- ท่า knees to chest
3.เลือกทานอาหารที่ช่วยบำรุงร่างกาย
การเลือกทานอาหารที่มีประโยชน์ โดยเน้นไปที่อาหารที่อุดมไปด้วยกรดไขมัน omega-3 ผัก ผลไม้ ถั่ว โปรตีน และ ธัญพืชต่าง ๆ จะช่วยบำรุงรักษาสุขภาพได้อย่างดี
และการดื่มน้ำให้เพียงพอในทุก ๆ วัน ยังเป็นส่วนสำคัญที่ช่วยให้อาการปวดลดลง เพราะการดื่มน้ำไม่เพียงพอ เป็นหนึ่งในสาเหตุที่ทำให้เกิดอาการปวด ปจด
นอกจากนี้ การดื่มชาสมุนไพรอุ่น ๆ เช่น ชาคาโมมายล์ ชาราสเบอร์รี่ และ ชายี่หร่า จะช่วยผ่อนคลาย แถมยังได้รับประโยชน์จากชาสมุนไพรอีกด้วย โดยเฉพาะชาเขียว และน้ำขิง ที่มีการวิจัยสนับสนุนว่าช่วยลดอาการปวดได้
อาการปวดท้องประจำเดือน วิธีแก้อีกวิธีที่เกี่ยวกับการทานอาหาร คือ ควรเลือกทานอาหารที่มีไฟเบอร์สูง มีส่วนประกอบของน้ำมันน้อย และเลือกใช้น้ำตาลทรายขาว(refined sugars)ในการประกอบอาหาร ซึ่งอาหารเหล่านี้จะช่วยบำรุงและฟื้นฟูระบบทางเดินอาหารให้ดียิ่งขึ้น
เนื่องจากการมีประจำเดือน เกิดจากการที่ฮอร์โมนในร่างกายมีการเปลี่ยนแปลง จะส่งผลต่อระบบทางเดินอาหาร ซึ่งส่งผลต่ออาการปวดท้องประจำเดือน ทำให้การเลือกทานอาหารที่ช่วยบำรุงระบบทางเดินอาหารในช่วงนี้ จะช่วยบรรเทาอาการปวดได้
4.นวดเบา ๆ บริเวณท้องน้อย
การนวดเบา ๆ บริเวณท้องน้อย จะเป็นการช่วยผ่อนคลายกล้ามเนื้อ และลดอาการปวดได้ โดยสามารถใช้การนวดโดยน้ำมัน นวดด้วยโลชั่นทาตัว หรือนวดด้วยน้ำมันมะพร้าว ก็จะช่วยให้ขั้นตอนนี้ทำได้ง่าย และผ่อนคลายยิ่งขึ้น
เราสามารถเลือกใช้น้ำมันหอมระเหยในการนวดได้เช่นกัน โดยจากการศึกษาพบว่า น้ำมันหอมระเหย จะช่วยลดอาการปวดท้องได้ โดยน้ำมันหอมระเหยที่ใช้ ได้แก่
- น้ำมันโรสแมรี่
- น้ำมันคาโมมายล์
- น้ำมันแคลรี่เซจ
- น้ำมันหอมระเหยสะระแหน่
โดยใช้เพียงแค่ 1-2 หยด ก็สามารถช่วยลดอาการปวดได้
โดยมีเคล็ดลับอย่างการนวดกดจุดแบบชิอัตสึ สำหรับลดปวดกระจำเดือนคือ จุด Liver 3 ที่เท้า และหน้าท้องส่วนล่างระหว่างสะดือกับกระดูกหัวหน่าว
5.ฝังเข็มเพื่อบรรเทาอาการปวด
จากการวิจัยพบว่า การฝังเข็ม เป็นวิธีทําให้หายปวดท้อง ปจด ได้อย่างเห็นผล การรักษาในรูปแบบนี้อาจจะช่วยลดอาการอักเสบ และช่วยเพิ่มสาร endorphins ที่ทำให้ร่างกายผ่อนคลายมากขึ้น
ซึ่งการรักษาด้วยการฝังเข็ม ควรมีการรักษาอย่างต่อเนื่องจึงจะเห็นผลมากที่สุด
6.ทานยาแก้ปวดประจำเดือน
หากการรักษาด้วยวิธีธรรมชาติใช้ไม่ได้ผล เราอาจจะต้องใช้วิธีทําให้หายปวดท้องประจําเดือนด้วยการทานยาเพื่อลดอาการปวด เช่น ยา Aspirin หรือ ยา Ibuprofen
โดยยาเหล่านี้ สามารถลดการอักเสบ ลดอาการปวด และบรรเทาอาการเจ็บปวดจากการมีประจำเดือน แต่หากยาเหล่านี้ไม่ได้ผล อาจจะต้องพบแพทย์ เพื่อปรึกษาว่าร่างกายเรามีความผิดปกติตรงไหนหรือไม่
ปวดท้องประจําเดือน เกิดจากอะไร
การปวดท้องประจําเดือน เกิดจากการที่ผนังมดลูกหดและคลายตัว เพื่อช่วยให้ขับเยื่อบุผนังมดลูกเก่า ออกมาเป็นเลือดประจำเดือน เพื่อที่จะสร้างเยื่อบุผนังมดลูกใหม่ เพื่อเตรียมพร้อมสำหรับการฝังตัวของทารก
โดยอาการที่เกิดขึ้นจะอยู่ในช่วงก่อน หรือช่วงระหว่างที่ประจำเดือนมา โดยพบว่าผู้หญิงที่มีอาการปวดประจำเดือนจะมีอาการปวดในช่วง 1-2 วันแรก และผู้หญิงที่มีอาการปวดท้องประจำเดือน มีจำนวนมากกว่าครึ่งของจำนวนผู้หญิงทั้งหมด
โดยอาการที่พบได้ คือ อาการปวดตึง ปวดหน่วง ปวดลึก ๆ หรือมีอาการปวดตุบเป็นช่วง ๆ บริเวณท้องน้อย และอาจจะเชื่อมโยงทำให้เกิดอาการปวดหลังล่าง หรือปวดบริเวณต้นขาได้ โดยประมาณ 10% ของผู้มีประจำเดือน อาจจะมีอาการรุนแรงจนรบกวนการใช้ชีวิตประจำวันได้
นอกจากนี้ ยังมีปัจจัยที่จะทำให้อาการปวดรุนแรงมากขึ้น (อ้างอิง) ได้แก่
- มีอายุน้อยกว่า 30 ปี
- มีประวัติในครอบครัวที่มีอาการปวดประจำเดือน
- มีประจำเดือนมามาก
- มีประจำเดือนมาไม่ปกติ
- สูบบุหรี่
- การรับประทานอาหาร
- โรคอ้วน
- โรคซึมเศร้า
- ประจำเดือนมาไวกว่าปกติ (มาก่อนอายุ 8 ปี)
อีกทั้งยังมีอาการไม่สบายต่าง ๆ ที่นอกเหนือจากการปวดประจำเดือน ได้แก่
- อาการวิงเวียน และ คลื่นไส้
- มีเหงื่อออก
- อาการท้องเสีย
- อาการท้องผูก
- ท้องอืด
- ปวดหัว
แต่หากพบอาการอื่น ๆ เช่น มีลิ่มเลือดที่มีขนาดใหญ่กว่าปกติ มีอาการปวดท้องนอกเหนือจากช่วงที่มีประจำเดือน หรือมีอาการที่พบได้ปกติในระหว่างช่วงที่มีประจำเดือน แต่มีอาการมากกว่าปกติ จนรบกวนชีวิตประจำวัน ให้ควรรีบปรึกษาและพบแพทย์โดยด่ว
บทสรุป
จากบทความนี้ จะเห็นได้ว่า มีวิธีแก้ปวดท้องประจําเดือนที่หลากหลายมาก ทั้งวิธีการแบบธรรมชาติ วิธีการนวด หรือ การฝังเข็ม รวมถึงมีการใช้สารเคมีผ่านการรับประทานยา เพื่อลดหรือบรรเทาอาการเจ็บปวดได้ ดังนั้นทุกคน ควรเลือกวิธีที่เหมาะสมกับตนเองให้มากที่สุด
แต่ถ้าหากบางท่าน พบอาการที่ผิดปกติ ดังเช่นที่บทความได้กล่าวไว้ หรือปวดจนไม่สามารถใช้ชีวิตประจำวันได้ตามปกติ เราก็ควรพบแพทย์ เพราะอาการเหล่านี้อาจจะไม่ใช้แค่อาการปวดประจำเดือนธรรมดา แต่อาจจะเป็นอาการของโรคต่าง ๆ ที่ควรรักษาให้ไวที่สุด
อ้างอิง
https://www.healthline.com/health/womens-health/how-to-get-rid-of-cramps
https://www.everydayhealth.com/treatment/womens-health/ways-to-relieve-period-cramps/
https://www.medicalnewstoday.com/articles/324484
https://www.verywellfamily.com/helping-tween-girls-relieve-menstrual-pain-3288389