8 วิธีลดแก้ม หน้าเรียว กระชับ ลดไขมันบนใบหน้า [ฉบับเห็นผล]

เคยเป็นไหม? อยากจะถ่ายรูปออกมาให้ดูน่ารัก แต่ก็ต้องหนักใจกับปัญหาแก้มอ้วน แถมยังมีเหนียงอีก กลายเป็นว่าไม่รู้จะต้องหลบมุมถ่ายรูปแบบไหน

ถึงจะถ่ายรูปออกมาดูดี ถึงแม้ใครจะบอกว่า การมีแก้มยุ้ย แก้มอ้วน จะทำให้ดูน่ารัก แต่การที่มีแก้มมากเกินไป ก็เป็นปัญหาใหญ่สำหรับหลายคน จากใบหน้าที่ดูน่ารัก อาจกลายเป็นคนหน้าอ้วนกลมได้

และด้วยสาเหตุนี้ จึงต้องมีวิธีลดแก้ม ลดเหนียง ลดไขมันบนใบหน้า เพื่อแก้ไขปัญหาเหล่านี้ ซึ่งวิธีการแก้ไขปัญหาก็ไม่ได้ยากอย่างที่คิด

เพียงแก้ไขให้ถูกจุดทั้งจากปัจจัยภายใน และปัจจัยภายนอก ก็จะช่วยเปลี่ยนจากหน้ากลม แก้มเยอะ มีเหนียง ให้กลายเป็นใบหน้าเรียว กระชับ เป็นรูปหน้ามากขึ้น โดยทำตามวิธีเหล่านี้ได้เลย

วิธีลดแก้ม [สรุป]

ออกกำลังกายบนใบหน้า
การออกกำลังกายแบบคาร์ดิโอ
เลือกรับประทานอาหาร
ดื่มน้ำให้มากขึ้น
นอนหลับให้เพียงพอ
ลดปริมาณโซเดียมลง
ลดการดื่มแอลกอฮอล์
นวดหน้าเป็นประจำ

วิธีลดแก้มแบบธรรมชาติ

Table of Contents

1.ออกกำลังกายบนใบหน้า

การออกกำลังกายบนใบหน้า จะทำให้กล้ามเนื้อบนใบหน้ากระชับและหน้าเรียวมากขึ้น จากการศึกษา พบว่า การออกกำลังกายกล้ามเนื้อใบหน้า วันละ 2 ครั้ง เป็นเวลา 8 สัปดาห์ จะช่วยฟื้นฟูกล้ามเนื้อ ช่วยลดไขมันที่ใบหน้า ทำให้หน้าเรียวมากขึ้น

ตัวอย่างการออกกำลังกายบนใบหน้า เช่น

พองลมไว้ในปากเพื่อให้แก้มป่อง และดันอากาศ โดยสลับข้างซ้าย-ขวา ทั้งหมด 15 วินาที เพื่อคลายกล้ามเนื้อ

อ้าปากให้กว้าง ครั้งละ 10 วินาทีแล้วผ่อนคลาย ทำซ้ำ 5-10 ครั้ง จะช่วยกระชับบริเวณแก้มได้ดี

เงยหน้าขึ้นบนเพดาน พร้อมกับดันลิ้นขึ้นไปบนเพดานปาก จะช่วยยืดกล้ามเนื้อใต้คาง

พูด X และ O กล้ามเนื้อใบหน้าจะยืดและหดตัวจนสุด วิธีนี้จะเพิ่มการไหลเวียนของเลือดบนใบหน้า และช่วยกระชับแก้มได้ดีมากขึ้น

ดูดแก้มทั้งสองข้างจนบุ๋มเข้าหากัน ค้างไว้ 5 วินาที จากนั้นค่อยคลาย ทำซ้ำ 5-10 ครั้ง จะทำให้กล้ามเนื้อใบหน้ากระชับมากยิ่งขึ้น

2.การออกกำลังกายแบบคาร์ดิโอ

คาร์ดิโอ คือ การออกกำลังกายที่ช่วยเผาผลาญไขมัน เสริมความแข็งแรงให้กับร่างกาย จากการศึกษา ปี 2019 ของกลุ่มผู้หญิง ที่มีน้ำหนักเกิน 24 คน พบว่า หลังจากออกกำลังกายแบบแอโรบิค เป็นเวลา 12 สัปดาห์ ทำให้มวลไขมันและเส้นรอบเอวลดลง และมีปริมาณกล้ามเนื้อที่เพิ่มมากขึ้น

ซึ่งการคาร์ดิโอ หรือ แอโรบิค จะช่วยส่งเสริมการลดไขมันโดยรวมทั่วร่างกาย รวมถึงช่วยลดไขมันที่ใบหน้าด้วยเช่นกัน

แนะนำให้ออกกำลังกาย 20–40 นาทีต่อวัน ครั้งละ 3-4 วันต่อสัปดาห์ก็จะเพียงพอ เช่น ว่ายน้ำ เดินเร็ว วิ่ง จ็อกกิง หรือปั่นจักรยาน เป็นต้น

3.เลือกรับประทานอาหาร

หลีกเลี่ยงธัญพืชที่ขัดสีแล้ว เช่น ข้าวสวย ขนมปังสีขาว ซีเรียล เป็นต้น เพราะอาหารเหล่านี้ จะเสียงต่อการเพิ่มน้ำหนัก และกระตุ้นความอยากอาหาร

จึงควรเลือกควรเลือกทานอาหารให้เหมาะสม ไม่ว่าจะเป็น คาร์โบไฮเดรต ไขมัน โปรตีน และใยอาหารในปริมาณที่เหมาะสม เช่น ธัญพืชไม่ขัดสี พืชตระกูลถั่ว รวมถึงผัก และผลไม้ที่มีไฟเบอร์

เนื่องจากไฟเบอร์เป็นสารอาหารที่อยู่ในพืช หรือผลไม้ ทำให้เวลาทาน ร่างกายจะไม่ดูดซึมเข้าไป แต่จะเคลื่อนผ่านทางเดินอาหารช้า ๆ ทำให้รู้สึกอิ่มนานขึ้น จึงช่วยลดความอยากอาหารลง

ดังนั้น การมีไฟเบอร์ในมื้ออาหาร จะช่วยลดแก้ม ลดเหนียง ลดไขมันที่ใบหน้า รวมถึงลดไขมันตามร่างกาย

4.ดื่มน้ำให้มากขึ้น

การดื่มน้ำ 1 แก้ว ก่อนมื้ออาหาร จะช่วยให้อิ่มเร็วมากขึ้น และการดื่มน้ำก็จะช่วยเพิ่มการเผาผลาญไขมันในร่างกายได้อีกด้วย

นอกจากจะช่วยการเผาผลาญแล้ว การดื่มน้ำให้มากก็จะช่วยลดการกักเก็บของเหลวในร่างกายได้อีกด้วย ถึงแม้การดื่มน้ำจะไม่ได้ช่วยลดไขมันที่ใบหน้า แต่การดื่มน้ำจะช่วยลดอาการบวมน้ำได้

5.นอนหลับให้เพียงพอ

การนอนหลับไม่เพียงพอ จะส่งผลให้ระดับฮอร์โมนความเครียดคอร์ติซอลเพิ่มมากขึ้น การศึกษา พบว่า ระดับคอร์ติซอลเพิ่มสูง จะทำให้มีความอยากอาหารเพิ่มมากขึ้น ส่งผลถึงการเผาผลาญ การเปลี่ยนแปลงไขมันในร่างกาย ทำให้มีการสะสมไขมันมากขึ้น และส่งผลต่อเรื่องน้ำหนัก

ดังนั้น จึงควรนอนหลับให้เพียงพออย่างน้อย 8 ชั่วโมงต่อวัน เพื่อช่วยรักษาระดับฮอร์โมน เมื่อระดับฮอร์โมนอยู่ในเกณฑ์ปกติ ความอยากอาหารก็จะลดลง ช่วยการเผาผลาญไขมันให้ดีขึ้นทั้งร่างกาย และยังช่วยการลดไขมันที่ใบหน้า

6.ลดปริมาณโซเดียมลง

อาหารลดแก้ม คือ อาหารโซเดียมต่ำ เพราะเกลือ หรือ โซเดียม จะทำให้ร่างกายมีการกักเก็บน้ำในปริมาณที่มากขึ้น หรือที่เรียกว่า การกักเก็บของเหลว

หากบริโภคโซเดียมมากเกินไป จะทำให้เกิดการกักเก็บน้ำ ส่งผลให้เกิดอาการบวมน้ำตามส่วนต่าง ๆ ของร่างกาย ซึ่งรวมถึงอาหารบวมบนใบหน้าด้วย

ในอาหารแต่ละมื้อ ควรจำกัดปริมาณโซเดียมในแต่ละมื้อลง เพื่อให้ร่างกายลดการจัดเก็บของเหลว และช่วยให้ใบหน้าเรียวขึ้น ใบหน้ากระชับมากขึ้น

7.ลดการดื่มแอลกอฮอล์

แอลกอฮอล์แต่ละประเภท มักจะมีแคลอรีอยู่ด้วย หากดื่มมาก ๆ ก็จะส่งผลเสียต่อร่างกาย ทำให้เกิดไขมันสะสม และหากดื่มมากเกินไป ก็จะทำให้เกิดการปัสสาวะเพิ่มมากขึ้น เมื่อปัสสาวะมากขึ้น จะทำให้ร่างกายไปสู่การคายน้ำและกักเก็บน้ำ

จากงานวิจัย ยังพบว่า แอลกอฮอล์อาจระงับฮอร์โมนเลปติน ฮอร์โมนที่ช่วยให้รู้สึกอิ่ม กลายเป็นเพิ่มความอยากอาหารมากขึ้น ทางที่ดีจึงควรดื่มในปริมาณที่พอเหมาะ คือ ผู้ชายควรดื่มไม่เกิน 2 แก้วต่อวัน และผู้หญิงควรดื่มไม่เกิน 1 แก้วต่อวัน

8.นวดหน้าเป็นประจำ

การนวดหน้า เช่น กัวซา เครื่องนวดหน้าแบบลูกกลิ้ง นอกจะช่วยผ่อนคลายใบหน้าแล้ว ก็ยังลดความตึงเครียดของกล้ามเนื้อบนใบหน้า ลดหน้าอ้วนจากอาการบวม ลดแก้ม ลดเหนียง ทำให้ใบหน้าดูเรียวและกระชับขึ้น

โดย การศึกษา ในปี 2018 ที่ทดลองใช้ลูกกลิ้งนวดหน้าทุกวัน จำนวน 5 สัปดาห์ พบว่าการไหลเวียนของเลือดบริเวณใบหน้าดีขึ้น และทำให้สารอาหารเข้าสู่ผิวหนังได้ดีขึ้น รวมถึงช่วยลดการอักเสบและลดไขมันที่ใบหน้า

เคล็ดลับการนวดหน้า คือ นวดจากคาง นวดขึ้นไปถึงแก้ม โดยให้ฝ่ามือหมุนตามเข็มนาฬิกาและทวนเข็มนาฬิกา หากใครนวดด้วยมือเปล่า อาจจะใช้มอยส์เจอร์ไรเซอร์ หรือ Face Oil มาเป็นตัวช่วย เพื่อลดการเสียดสีของใบหน้ากับฝ่ามือได้

คำถามที่พบบ่อย

แก้มเยอะ เกิดจากอะไร

แก้มเยอะเกิดการกินอาหารจำพวก ของมัน ของทอด หรือน้ำตาล จนเกิดเป็นไขมันสะสมทั่วร่างกาย รวมถึงปัจจัยอื่น ๆ เช่น กรรมพันธุ์ ความเครียด การดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ การดื่มน้ำไม่เพียงพอ และการได้รับโซเดียมมากเกิน สิ่งเหล่านี้ก็มีส่วนทำให้แก้มเยอะ แก้มอ้วนได้

ลดไขมันบนใบหน้านานเท่าไหร่ถึงจะเห็นผล?

อาจจะใช้เวลา 2-3 สัปดาห์ ในการลดไขมันบนใบหน้า ซึ่งระยะเวลาในการลดไขมัน จะขึ้นอยู่กับหลายปัจจัยด้วย เช่น อัตราการเผาผลาญไขมันในร่างกาย

การออกกำลังกายแบบคาร์ดิโอ และการออกกำลังกายใบหน้าร่วมด้วย โดยทั่วไปเมื่อเหลือไขมันในร่างกายประมาณ 20% ไขมันบนใบหน้าจะหายตามไปด้วย

สาเหตุของใบหน้าอ้วน แต่ร่างกายผอมคืออะไร?

สาเหตุเกิดจากร่างกายกักเก็บน้ำมากเกินไป ส่งผลทำให้ใบหน้าดูบวม หรืออาจเกิดจากกรรมพันธุ์ เรื่องโครงสร้างของร่างกาย ก็มีส่วนทำให้ใบหน้ากลม และดูมีแก้มเยอะ

วิธีลดแก้ม ลดเหนียง ก็มีหลายวิธีให้ได้เลือกทำตาม เช่น การออกกำลังกายแบบคาร์ดิโอ การออกกำลังกายใบหน้า การเลือกทานอาหารที่มีประโยชน์ รวมถึงการดื่มน้ำและการพักผ่อนให้เพียงพอ

ซึ่งการลดแก้ม ลดเหนียง ที่จะได้ผลเร็วหรือได้ผลช้า ก็ขึ้นอยู่กับความมีวินัยและความสม่ำเสมอ ในการดูแลตัวเองด้วยเช่นกัน