ถ้ารู้สึกว่า..ช่วงนี้ต้องใช้สมองเยอะ ต้องทำงานหนัก อยากหาสารอาหาร มาใช้ในการบำรุงสมอง และร่างกาย สารอาหารตัวหนึ่ง ที่มีส่วนสำคัญมาก ๆ และควรดูแลไม่ให้ขาด ก็คือ เลซิติน วิตามินบำรุงสมองที่อยากแนะนำ
ถึงแม้ว่า เพื่อน ๆ บางคน อาจจะไม่ค่อยคุ้นหู กับชื่อสารสกัดตัวนี้สักเท่าไหร่ แต่ให้รู้ไว้ว่า .. สมองของเราขาด ‘เลซิติน’ ไม่ได้เลย เพราะสารตัวนี้ เกี่ยวข้องกับการสั่งงานของสมอง กล้ามเนื้อ และส่วนอื่น ๆ ของร่างกาย มีผลต่อความคิด และพฤติกรรมการแสดงออก ซึ่งหากเพื่อน ๆ รู้จักบำรุงร่างกายด้วย Lecithin อย่างสม่ำเสมอ จะมีผลทำให้ร่างกายของเราปลอดโรค สมองทำงานได้ดีขึ้น และช่วยให้เพื่อน ๆ ประสบความสำเร็จ ในเรื่องต่าง ๆ ของชีวิต ได้ง่ายขึ้นอีกด้วยค่ะ
ในวันนี้ มิสซี่ จึงจะขอแนะนำ “ เลซิติน ยี่ห้อไหนดี ปี 2023 ” เพื่อเป็นแนวทาง ให้เพื่อน ๆ ได้ลองซื้อมาทานกันค่ะ
TOP 3 เลซิตินที่ดีที่สุด
#1 Blackmores Lecithin
ราคา 310 บาท
#2 Now Foods Non-GMO Lecithin
ราคา 590 บาท
#3 Mega We Care Lecithin
ราคา 224 บาท
เลซิติน (lecithin) คืออะไร?
เลซิติน คือ สารที่ประกอบด้วย กรดไขมัน (Fatty Acid) ฟอสฟอรัส (Phosphorus) โคลีน (Choline) และ อินอสซิตอล (Inositol) สารตัวนี้เป็นสารจากธรรมชาติ จึงพบได้ในคน พืช และ สัตว์
ถือเป็นสารอาหารที่จำเป็นมาก ต่อเซลล์ในร่างกาย กล้ามเนื้อ และ เส้นประสาท และเป็นส่วนประกอบ ของอวัยวะต่าง ๆ มีหน้าที่ทำให้ เซลล์ในร่างกายมี ความยืดหยุ่น และเข้าไปบำรุงให้แต่ละเซลล์ ทำงานได้ดีขึ้น ทั้ง หัวใจ ตับ ไต และสมอง ล้วนแต่จำเป็นต้องมีเลซิตินเป็นองค์ประกอบทั้งนั้น
สรรพคุณเลซิติน ช่วยอะไรบ้าง?
สรรพคุณของ เลซิติน คือ ช่วยส่งเสริมการทำงานของสมอง และประสาท ส่งเสริมการเรียนรู้ ให้มีประสิทธิภาพ ดังนั้น จึงถือว่าเป็นสารอาหารที่จำเป็น มีประโยชน์ต่อการทำงาน ของร่างกายหลาย ๆ ระบบ ดังต่อไปนี้
ช่วยบำรุงสมอง
เลซิติน ถือเป็นอาหารสมองที่สำคัญ สำหรับทุกเพศทุกวัย ไม่ว่าจะอยู่ในช่วงวัยใด ก็ควรที่จะต้องได้รับเลซิติน ในการบำรุงสมอง และความจำ อยู่เสมอ
ช่วยลดคอเลสเตอรอล
เลซิติน ช่วยลดคอเลสเตอรอลในเลือดได้ โดยจะไปทำให้ สัดส่วนของไขมันชนิดดี (HDL) ในเลือดเพิ่มขึ้น และลดระดับของไขมันที่ไม่ดี (LDL) ในร่างกาย ซึ่งเป็นสิ่งที่ร่างกายทุกคนต้องการ
ช่วยป้องกันโรคเกี่ยวกับตับ
สารฟอสฟาทิดิลโคลีน (Phosphatidylcholine) เป็นสารต้านอนุมูลอิสระ ที่ช่วยป้องกันความผิดปกติภายในร่างกาย และช่วยป้องกันการทำลายของตับ และมีส่วนสำคัญ ในการลดความเสี่ยง ของภาวะไขมันพอกตับ ได้ด้วย
ช่วยป้องกันโรคนิ่วในถุงน้ำดี
ประโยชน์ในการช่วยป้องกัน การเกิดนิ่วในถุงน้ำดี โดยเฉพาะผู้ที่มีประวัติไขมันในเลือดสูง
ช่วยส่งเสริมการทำงานของหัวใจ
เมื่อเราได้รับ เลซิติน ประโยชน์ที่เกิดขึ้น จะส่งผลต่ออวัยวะที่สำคัญต่อหัวใจ ทำให้หัวในทำงานได้ดีขึ้น ลดความเสี่ยงหัวใจขาดเลือด
ทั้งหมดนี้ จึงเป็นเหตุผลที่ว่า .. ทำไมถึงจะต้องรับประทาน lecithin สรรพคุณของสารอาหารตัวนี้ ช่วยป้องกันโรค ได้หลายประการเลยทีเดียว
เลซิติน ลดความอ้วนได้จริงไหม?
เลซิติน ลดความอ้วนได้จริง เพราะสรรพคุณด้านหนึ่งของ lecithin คือ ช่วยเสริมการทำงานของตับ ทำให้การเผาผลาญไขมันดีขึ้น นอกจากนี้ ยังมีความสามารถทําให้ ไขมันกระจายตัว เป็นอนุภาคเล็ก ๆ และละลายน้ำได้ ซึ่งมีผลทําให้ร่างกายเผาผลาญไขมันได้เร็วขึ้น การกินเลซิติน จึงเป็นเหมือนการเร่งการสลายไขมัน และลดความเสี่ยง ในการเป็นโรคไขมันอุดตันได้ด้วย แต่ทั้งนี้ ก็ต้องควบคุมอาหาร ให้ดีด้วยนะคะ จึงจะทำให้เห็นผลได้จริง
แม้ว่า เราจะพบเลซิติน ได้ในอาหารจำพวก เนื้อแดง เนย ถั่ว เครื่องในสัตว์ หรือ ผักบางชนิด รวมไปถึงใน ถั่วเหลือง ที่ถือว่าเป็นแหล่งที่มีเลซิตินมากที่สุด ซึ่งแม้ว่าเขาจะเป็นสารจากธรรมชาติ ที่หาในอาหารได้ แต่ในบางครั้ง เมื่อคนเรากินอาหารไม่ครบ กินไม่มากพอ ก็อาจจะทำให้ร่างกาย มีโอกาสที่จะขาดเลซิตินได้
หากใครรู้ตัวว่า ต้องใช้สมองเยอะ และอยากดูแลร่างกายจากภายใน แต่ไม่มีเวลา ที่จะเลือกกินอาหารที่มีเลซิตินสูง จนอาจจะมีแนวโน้ม “ขาดเลซิติน” ได้ มิสซี่ อยากจะขอแนะนำ อาหารเสริมเลซิติน 10 ยี่ห้อ ที่คัดมาแล้วว่าช่วยบำรุงสมอง และร่างกายได้จริง จะมีตัวไหนน่าสนใจบ้าง ตามมิสซี่มาเลยค่ะ
จะเลือกซื้อ เลซิติน ยี่ห้อไหนดี 2566
1. เลซิติน โดยรวมที่ดีที่สุด : Blackmores Lecithin 1200 mg
ราคา 310 บาท
ข้อดี
+ หาซื้อง่าย
+ แบรนด์ดังน่าเชื่อถือ
+ มีคุณภาพ
ข้อควรพิจารณา
– ไม่มีส่วนผสมบำรุงอื่น ๆ เพิ่มมาให้
เลซิตินแบล็คมอร์ ตัวนี้ มิสซี่ยกให้ขึ้นแท่นเป็นเบอร์หนึ่งในใจ เพราะด้วยความที่เป็นแบรนด์นำเข้าจากออสเตรเลีย และชื่อแบรนด์แบล็คมอร์ ก็เป็นแบรนด์ที่ได้รับการยอมรับทั่วโลก และมีมาตรฐานสากล วิตามินบำรุงสมองตัวนี้มาในรูปแบบของแคปซูล จึงทำให้ทานง่าย เมื่อพิจารณาปริมาณ lecithin blackmoreให้มาในปริมาณ 1200 mg และยังมีสารสำคัญที่ชื่อว่า ฟอสฟาติดิลโคลีนสูงถึง 172.5 mg
เลซิติน blackmore ประโยชน์มากขนาดนี้ ช่วยบำรุงทั้งร่างกายและสมอง ไปในเวลาเดียวกัน ยี่ห้อแบล็คมอร์ ถือเป็นตัวเลือกที่ดี หากต้องการเสริมให้อวัยวะต่าง ๆ ภายในทำงานได้ดีกว่าเดิม ไปซื้อมาบำรุงกันได้เลย !
ปริมาณ 100 เม็ด : ราคา 310 บาท (ตกเม็ดละ 3.1 บาท)
รูปแบบ | แคปซูล |
ปริมาณความเข้มข้น | 1200 mg |
ปริมาณที่แนะนำต่อวัน | ทานครั้งละ 1 เม็ด วันละ 2 ครั้ง หลังอาหาร เช้า-เย็น |
2. เลซิติน พรีเมียม โดยรวมดีที่สุด : Now Foods Non-GMO Lecithin 1200 mg
ราคา 590 บาท
ข้อดี
+ มีร้าน Official ในไทย
+ ความปลอดภัยสูง
+ เกรดพรีเมียม
ข้อควรพิจารณา
– ราคาค่อนข้างสูง
อีกหนึ่งยี่ห้อจาก อเมริกา ก็คือ แบรนด์ Now Foods ซึ่งเป็นยี่ห้อ ที่ได้รับความนิยม อย่างต่อเนื่อง ตัวนี้โดดเด่นในเรื่อง ของการเคลมว่าวัตถุดิบของเขา ไม่มีการตัดต่อพันธุกรรม และจะเห็นว่าเพิ่มปริมาณเลซิติน เฉือนคู่แข่งเป็น 1224 mg ที่แม้ว่าจะมากกว่าแค่นิดเดียว แต่ก็อาจจะมีผลต่อการตัดสินใจ นอกจากนี้ ยังมีไขมันฟอสโฟไลปิด ที่ 500 mg และ ทำเป็นแบบซอฟเจล ที่ทำให้กินง่ายอีกด้วย
ใครอยากจะ ฟื้นฟูสมอง ลดโคเลสเตอรอล บำรุงร่างกาย ก็พลาดไม่ได้กับยี่ห้อนี้เลยค่ะ รับรองว่าปลอดภัยแน่นอน !
ปริมาณ 100 เม็ด : ราคา 590 บาท (ตกเม็ดละ 5.9 บาท)
รูปแบบ | ซอฟเจล |
ปริมาณความเข้มข้น | 1224 mg |
ปริมาณที่แนะนำต่อวัน | รับประทานวันละ 1 ซอฟเจล หลังอาหาร |
3. เลซิติน ราคาคุ้มค่าที่สุด : Mega We Care Lecithin
ราคา 224 บาท
ข้อดี
+ ถูกและดี
+ รีวิวเยอะ
+ เลซิตินไม่ฟอกสี
ข้อควรพิจารณา
– ไม่มีวิตามิน และสารอาหารอื่น ๆ เพิ่มมาให้
หากใครต้องการเลซิตินธรรมชาติ เพื่อเข้าไปเสริมการทำงาน และดูแลสุขภาพให้ดียิ่งขึ้น จุดเด่นของ lecithin Mega คือ ไม่มีการฟอกสี และผ่านกรรมวิธีในการผลิตที่ได้มาตรฐาน เพื่อน ๆ จึงมั่นใจได้เลยว่า ยี่ห้อนี้จะไม่เป็นพิษต่อตับ ช่วยลดคอเลสเตอรอล และ ลดการอุดตันของไขมันในเส้นเลือด ได้ด้วย
จะหาซื้ออาหารเสริมที่ได้รับมาตรฐาน แบบเต็มสิบไม่หัก แบบนี้ได้ที่ไหน ก็ต้องเลซิติน mega สรรพคุณตรงใจ ปลอดภัย ไว้ใจได้ ไปซื้อกันเลยนะคะ
ปริมาณ 100 เม็ด : ราคา 224 บาท (ตกเม็ดละ 2.2 บาท)
รูปแบบ | แคปซูล |
ปริมาณความเข้มข้น | 1200 mg |
ปริมาณที่แนะนำต่อวัน | วันละ 1 แคปซูล |
4. เลซิติน ถูกและดีที่สุด : Vistra Soy Lecithin
ราคา 256 บาท
ข้อดี
+ มีวิตามินอีเสริม
+ ราคาไม่แพง
+ ทานได้นาน
ข้อควรพิจารณา
– ผู้ที่แพ้ถั่วเหลืองไม่ควรทาน
lecithin vistra ยี่ห้อนี้มีจุดเด่นตรงที่ มีการผสมวิตามินอีเข้าไปด้วย จึงทำให้ปริมาณฟอสฟาติดิลโคลีนเพิ่มขึ้นอีก และมีผลต่อการส่งเสริมประสิทธิภาพการทำงานของสารสื่อประสาท ให้ทำงานได้ดีมากขึ้นเป็นกว่าเดิม
ดังนั้น หากใครที่อยากจะบำรุง อวัยวะภายในให้แข็งแรง และกำลังมองหาเลซิตินที่ไม่แพงจนเกินไป ยี่ห้อ Vistra จะเป็นอีกหนึ่งคำตอบที่มิสซี่อยากแนะนำให้เพื่อน ๆ ได้ลองหามารับประทานกันค่ะ !
ปริมาณ 90 เม็ด : ราคา 256 บาท (ตกเม็ดละ 2.8 บาท)
รูปแบบ | แคปซูล |
ปริมาณความเข้มข้น | 1200 mg |
ปริมาณที่แนะนำต่อวัน | รับประทานหลังอาหาร เช้า-เย็น ครั้งละ 1 เม็ด |
5. เลซิติน จากออสเตรเลีย ที่กินง่ายที่สุด : Healthy Care Super Lecithin
ราคา 345 บาท
ข้อดี
+ ซอฟเจล ทานง่าย
+ กระปุกใหญ่ ทานได้นาน
+ แบรนด์จากออสเตรเลียที่มีคุณภาพ
ข้อควรพิจารณา
– ไม่มี official store ในไทย
อีกหนึ่งชนิดของเลซิติน ที่มีลักษณะเป็นซอฟต์เจล ของยี่ห้อ Healthy care ซึ่งเป็นแบรนด์จากออสเตรเลียอีกแบรนด์หนึ่ง ถึงชื่อจะไม่ดังเท่ากับแบรนด์อื่น แต่ประโยชน์ของตัวนี้ ก็ไม่ได้ด้อยไปกว่าตัวอื่น ๆ เลย แบรนด์ Healthy care ให้ความเข้มข้นมาที่ 1,200 มก. ซึ่งก็เทียบเท่ากับยี่ห้อชั้นนำอื่น ๆ
ดังนั้น หากใครอยาก ล้างพิษในตับ และขับเคลื่อนสมองให้ดี ก็ต้องเลือกของ Healthy Care เลยค่ะ! รับรองว่าจะไม่ผิดหวังแน่นอน
ปริมาณ 100 เม็ด : ราคา 345 บาท (ตกเม็ดละ 3.4 บาท)
รูปแบบ | แคปซูล |
ปริมาณ Lecithin | 1200 mg |
ปริมาณที่แนะนำต่อวัน | ทานครั้งละ 1 แคปซูล หลังอาหารมื้อใดก็ได้ 1-3 มื้อ |
6. เลซิติน พรีเมี่ยมที่สุด : Swisse Ultiboost Lecithin
ราคา 610 บาท
ข้อดี
+ วิตามินเกรดพรีเมียม
+ จำนวนเม็ดต่อกระปุกเยอะ
+ วัตถุดิบ คุณภาพสูง
ข้อควรพิจารณา
– ราคาต่อกระปุกค่อนข้างแพง
หากต้องการ เลซิตินพรีเมียม นำเข้า จากออสเตรเลีย มิสซี่แนะนำของ Swisse ที่อัดแน่นด้วยวัตถุดิบ คุณภาพระดับสูง ร่วมกับ กระบวนการผลิตขั้นเทพ ทำให้อาหารเสริมตัวนี้ มาในราคาที่สูงที่สุด อีกทั้ง ยังมีจำนวนเม็ด ที่มากกว่ายี่ห้ออื่น ๆ จึงทำให้ยี่ห้อนี้ มีราคาแพง ส่วนคุณสมบัติอื่น ๆ ก็อยู่ในระดับเดียวกับ ยี่ห้อชั้นนำตัวอื่น ๆ ที่ไม่ได้ห่างชั้น ในเรื่องของการดูแลร่างกายเลย ทั้งส่วนของสมอง หัวใจ และ อวัยวะอื่น ๆ
เลซิตินของ Swisse จะช่วยเสริมสมองและอวัยวะต่าง ๆ ของเพื่อน ๆ ให้มีสุขภาพที่ดีขึ้น และคุ้มค่ากับเงินที่จ่ายแน่นอนค่ะ มิสซี่ คอนเฟิร์ม !!
ปริมาณ 150 เม็ด : ราคา 610 บาท (ตกเม็ดละ 4.1 บาท)
รูปแบบ | แคปซูล |
ปริมาณความเข้มข้น | 1200 mg |
ปริมาณที่แนะนำต่อวัน | รับประทานวันละ 1 แคปซูล หลังอาหารเย็นและดื่มน้ำตามมากๆ |
7. เลซิติน เข้มข้นมากที่สุด : Puritan’s Pride Soy Lecithin
ราคา 840 บาท
ข้อดี
+ มีให้เลือกหลายความเข้มข้น
+ ความเข้มข้นต่อเม็ดสูงสุด
+ แบรนด์วิตามินดัง
ข้อควรพิจารณา
– ไม่มี official store ซื้อได้จากร้านวิตามินนำเข้าเป็นหลัก
Puritan เป็นแบรนด์ที่ใส่ใจในรายละเอียด โดยออกแบบสินค้าให้มีความเข้มข้นหลายระดับ เพื่อให้ลูกค้าเลือกได้ว่า อยากจะบำรุงร่างกายในระดับเบา ๆ หรือ ต้องการเติมสารอาหารอย่างหนักหน่วง โดยตัวที่เข้มข้นที่สุด มีปริมาณเลซิตินสูงถึง 1325 mg ซึ่งสูงมากกว่าใครเพื่อน เหมาะสำหรับคนที่อยากได้แบบเข้มข้นสุดใจ
ตัวนี้ เป็นแบรนด์สัญชาติ อเมริกา มีคุณสมบัติในการส่งเสริมระบบการไหลเวียนเลือด ควบคุมระดับคอเลสเตอรอล ส่งเสริมความจำ กระตุ้นการทำงานของระบบประสาท หรือเพิ่มความสามารถในการเรียนรู้ ใครอยากจะบำรุงร่างกายแบบองค์รวม Puritan ถือเป็นตัวเลือก ที่พลาดไม่ได้เลย ที่จะซื้อมาบำรุงสุขภาพ !
ปริมาณ 250 เม็ด : ราคา 840 บาท (ตกเม็ดละ 3.36 บาท)
รูปแบบ | ซอฟเจล |
ปริมาณความเข้มข้น | 1325 mg |
ปริมาณที่แนะนำต่อวัน | รับประทานครั้งละ 1 เม็ด วันละ 4-5 ครั้ง พร้อมอาหาร |
8. เลซิติน จากญี่ปุ่นที่ดีที่สุด : DHC Lecithin
ราคา 250 บาท
ข้อดี
+ ราคาไม่แพง
+ เหมาะกับคนที่อยากลองเริ่มทาน
+ แบรนด์วิตามินเป็นที่นิยม
ข้อควรพิจารณา
– ฉลากเป็นภาษาญี่ปุ่น
มาต่อกันที่เลซิตินยี่ห้อ DHC ตัวนี้ นำเข้าจากญี่ปุ่น ในราคาย่อมเยา แต่คุณภาพไม่เบาเลย แม้ว่าใน 1 เม็ด แต่มีความเข้มข้นอยู่ที่ 337.5 mg ซึ่งดูเหมือนว่าจะเข้มข้นน้อยกว่ายี่ห้ออื่น ๆ แต่ผู้ผลิตก็แนะนำให้กินให้ได้วันละ 4 เม็ด ซึ่งจะทำให้ได้ความเข้มข้นสูงถึง 1,350 mg ซึ่งก็ถือเป็นปริมาณที่เหมาะสม ที่ควรได้รับต่อวัน
เมื่อกินตามปริมาณที่แนะนำ ของยี่ห้อนี้ ก็ได้ประโยชน์ไม่ด้อยไปกว่ายี่ห้ออื่น ๆ เลย อยากจะดูแลเรื่อง โคเลสเตอรอล กระตุ้นความจำ หรือส่งเสริมการทำงาน ของระบบประสาท ก็ได้ทั้งนั้น ใครนิยมชมชอบสินค้าจากญี่ปุ่น DHC คือคำตอบที่ดีแน่นอน เสริมเลซิตินกันไปแบบจุก ๆ แบบนี้ไม่ซื้อ ไม่ได้แล้ว !
ปริมาณ 120 เม็ด : ราคา 250 บาท (ตกเม็ดละ 2.1 บาท)
รูปแบบ | ซอฟเจล |
ปริมาณความเข้มข้น | 337.5 mg |
ปริมาณที่แนะนำต่อวัน | วันละ 4 เม็ด หลังอาหาร เช้า กลางวัน เย็น |
9. เลซิติน สารอาหารครบถ้วนที่สุด : Giffarine Lecithin
ราคา 680 บาท
ข้อดี
+ ผสมส่วนประกอบบำรุงอื่นๆ
+ คนทานเยอะ
+ บำรุงร่างกาย ลดความอ้วน
ข้อควรพิจารณา
– ราคาค่อนข้างแพง
เลซิติน ของกิฟฟารีน โดดเด่นกว่ายี่ห้ออื่น ๆ ตรงที่ไม่ได้มีแค่สารสกัดหลักเพียงอย่างเดียวเท่านั้น แต่ยังเติมแคโรทีนนอยด์ และวิตามินอีเข้าไปอีก ทำให้ใน 1 เม็ดอันแน่นไปด้วยประโยชน์ ที่บำรุงทั่วทั้งร่างกาย อีกทั้ง แคปซูลยังเป็นแบบนิ่ม ทำให้กินง่าย
ใครอยากที่จะ บำรุงสมอง ตับ ตับอ่อน ไต และหัวใจ ถ้าอยากจบภายใน 1 เม็ด ได้สารอาหารที่ครบถ้วน Lecithin กิฟฟารีน ก็เป็นอีกหนึ่งทางเลือก ที่จะช่วยบำรุงร่างกายได้ แบบไม่ต้องกิน อาหารเสริมหลายรอบ ให้เสียเวลา
ปริมาณ 60 เม็ด : ราคา 680 บาท (ตกเม็ดละ 11.8 บาท)
รูปแบบ | แคปซูล |
ปริมาณความเข้มข้น | 1200 mg |
ปริมาณที่แนะนำต่อวัน | รับประทานวันละ 1 แคปซูล พร้อมอาหาร |
10. เลซิติน เม็ดเคี้ยวที่ดีที่สุด : Nutrilite Lecithin
ราคา 660 บาท
ข้อดี
+ รูปแบบเม็ดเคี้ยว
+ ทานง่าย
+ บำรุงร่างกายดีเยี่ยม
ข้อควรพิจารณา
– ปริมาณความเข้มข้นต่อเม็ดไม่เยอะ
ตัวนี้เป็นของยี่ห้อนิวทริไลท์ ซึ่งเป็นอีกหนึ่งเลซิตินจาก อเมริกา โดดเด่นในคุณสมบัติเรื่อง การบวกวิตามินอีเข้าไป ทำให้เลซิตินทำงานได้ดี และช่วยเป็นสารต้านอนุมูลอิสระได้ด้วย นอกจากนี้ ยังแตกต่างจากชาวบ้านตรงที่ เป็นเม็ดแบบเคี้ยว แต่ไม่ต้องกลัวว่าจะทานยาก เพราะมีการแต่งกลิ่นด้วยน้ำผึ้ง และเมเปิ้ล เพื่อลดกลิ่นเฉพาะตัวของถั่วเหลือง และทำให้ทานง่ายขึ้นไปอีก
ดังนั้น สำหรับใคร ที่ไม่ชอบกลิ่นของอาหารเสริม อยากได้อาหารเสริม กินง่าย ตรงตามที่ต้องการ ก็ลองเลือกทานนิวทริไลท์กันดู รับรองว่าเคี้ยวง่าย กลืนสบาย แน่นอนค่ะ
ปริมาณ 110 เม็ด : ราคา 660 บาท (ตกเม็ดละ 6.0 บาท)
รูปแบบ | เม็ดเคี้ยว |
ปริมาณความเข้มข้น | 280 mg |
ปริมาณที่แนะนำต่อวัน | เคี้ยวทานวันละ 1-3 เม็ด |
วิธีเลือกซื้อ “เลซิติน”
เลือกจากคุณภาพวัตถุดิบ
ควรจะคำนึงถึงคุณภาพของวัตถุดิบเป็นหลัก ซึ่งโดยส่วนใหญ่แล้ว จะเป็นส่วนประกอบของ ‘ถั่วเหลือง’ แทบทั้งนั้น แต่ถั่วเหลืองก็มีหลายเกรด หากเป็นวัตถุดิบเกรด A ที่ปราศจากสารฟอกสี ไม่มีการแต่งกลิ่น ไม่มีการตัดแต่งพันธุกรรม หรือไม่มีการแต่งรส จะช่วยทำให้ปลอดภัยต่อตับได้มากกว่า โดยเฉพาะการรับประทานอย่างต่อเนื่อง ในระยะยาว จะทำให้ผลข้างเคียงเกิดน้อยลง
เลือกจากการผ่านมาตรฐานความปลอดภัย
การเลือกซื้อเลซินติน จำเป็นจะต้องเลือกผู้ผลิตที่น่าเชื่อถือ ด้วยเช่นกัน เพราะกระบวนการผลิต มีส่วนสำคัญที่จะเก็บรักษา คุณภาพของเลซิติน โดยยี่ห้อที่วางขายในไทย ควรต้องผ่านมาตรฐานการผลิต จากกระทรวงสาธารณสุข หรือ อ.ย. ซึ่งเป็นหน่วยงานพื้นฐานในประเทศไทยที่ควบคุมในเรื่องของความปลอดภัยของอาหารและยา
นอกจากนี้ อาจจะได้รับการรับรองมาตรฐาน จากต่างประเทศ เช่น BfArM ของประเทศเยอรมัน หรือ TGA ของออสเตรเลีย เพราะ ยิ่งได้รับรองมากเท่าไหร่ ก็ยิ่งจะมั่นใจ ว่าจะปลอดภัยต่อสุขภาพของเรามากกว่า
เลือกจากสารประกอบที่ต้องการ
การศึกษาสรรพคุณ ของเลซิตินในแต่ยี่ห้อ ว่านอกจากสารประกอบหลัก ที่มีความเข้มข้นในระดับต่าง ๆ แล้ว ยังมีวิตามิน หรือ แร่ธาตุตัวอื่น ๆ เสริมเพิ่มเติมอีกหรือไม่ ? และ สารอาหารเหล่านั้น ตรงเป็นไปตามความต้องการ ของเพื่อน ๆ หรือเปล่า เพื่อให้มั่นใจว่า การเลือกซื้ออาหารเสริม จะได้รับประโยชน์ ที่เพื่อน ๆ ต้องการอย่างแท้จริง ไม่ได้จ่ายเงินทิ้ง แบบไร้ประโยชน์
ผลข้างเคียง ข้อเสียเลซิติน (Lecithin)
การกิน lecithin อาจจะเกิดผลเสีย ต่อร่างกาย ได้เช่นเดียวกัน ไม่ว่าจะเป็น เกิดอาการแพ้ โดยเฉพาะคนที่แพ้ถั่วเหลือง ก็มีโอกาสที่จะแพ้เลซิตินได้สูง เนื่องจาก ส่วนประกอบหลักแทบจะเป็นถั่วเหลืองทั้งหมดนั่นเอง
คำถามที่พบบ่อย
lecithin กินตอนไหน?
ควรกิน lecithin พร้อมมื้ออาหาร เนื่องจากร่างกายจะได้ดูดซึมไปพร้อมกันเลย แต่ทั้งนี้แต่ละยี่ห้อ อาจจะมีคำแนะนำถึงช่วงเวลา และปริมาณที่เหมาะสมในการกิน ระบุบนฉลากอยู่แล้ว เพื่อน ๆ ทุกคนสามารถที่จะอ่าน และทำตามได้เลย การเสริมเลซิติน เป็นเรื่องสำคัญ ถ้ากินถูกเวลา ร่างกายของเราก็จะได้รับประโยชน์ที่ดีที่สุดค่ะ
เลซิติน กินยังไง?
โดยส่วนใหญ่แล้ว เลซิตินมักจะสกัด มาจากถั่วเหลือง ทำให้มีปัญหาตรงที่ มีกลิ่นเฉพาะตัว และเป็นกลิ่นที่หลายคนไม่ชอบ ทำให้ทานยาก กว่าอาหารเสริมตัวอื่น ๆ ในปัจจุบัน จึงมีการพัฒนา อาหารเสริมในรูปแบบที่กินง่ายขึ้น ดังนี้
1.แคปซูล กินง่าย กลืนง่าย เอาเข้าปากได้เลย
2.Soft gel เป็นแคปซูล อีกรูปแบบหนึ่ง แต่เปลือกจะเป็นเจลาตินนุ่ม ๆ เข้าปาก แล้วกลืนได้เลย
3.เม็ดเคี้ยว เป็นอีกหนึ่งรูปแบบ และเพื่อให้กินง่าย ก็จะมีการผสมสารให้ความหวานเข้าไป เพื่อเพิ่มรสชาติ และดับกลิ่นของถั่วเหลือง
ผลข้างเคียงจากการทานเลซิตินเกินขนาดคืออะไร?
ผลข้างเคียงจากการทาน เลซิตินเกินขนาด คือ เกิดอาการปวดท้อง แน่นท้อง อาเจียน คลื่นไส้ ใจสั่น หรือ อาจจะมีเหงื่อออก ซึ่งการกินมากเกินไป อาจจะเกิดผลข้างเคียงได้ในบางบุคคล โดยส่วนใหญ่แล้ว จะเป็นอาการที่ไม่รุนแรงมากนัก ทั้งนี้ ผลข้างเคียงจะหายไป เมื่อลดปริมาณการรับประทานอาหารเสริมลง
จบกันไปแล้วนะคะ สำหรับรีวิว เลซิติน ทั้ง 10 ยี่ห้อ ที่ มิสซี่ ขอแนะนำ หากเพื่อน ๆ อยากจะรับประทาน เลซิตินให้ได้ผลดี ควรที่จะต้องทำตาม คำแนะนำบนฉลาก อย่างครบถ้วน และรับประทานอย่างต่อเนื่อง อย่างไรก็ตาม ก่อนที่จะเลือกซื้อ เลซิติน ยี่ห้อไหนดี ควรที่จะศึกษาข้อมูลต่าง ๆ ให้รอบด้าน อ่านฉลาก หรือปรึกษาเภสัชกร ก่อนการเลือกซื้อ เพื่อประโยชน์ที่ดีที่สุด ต่อร่างกายของเพื่อน ๆ ทุกคนนะคะ
อ้างอิง
1. https://www.webmd.com/vitamins/ai/ingredientmono-966/lecithin
2. https://www.webmd.com/diet/health-benefits-lecithin#1
3. https://www.healthline.com/health/lecithin-benefits