5 วิธีรักษาสิวสเตียรอยด์ด้วยตัวเอง [ฉบับเห็นผลจริง!]

เรื่องสิว ๆ ปัญหายอดฮิต ที่กวนใจหลาย ๆ คน ไม่เว้นแต่ละวัน มีอยู่สักช่วงหนึ่งที่ทุกคนคงเคยได้ยินกันบ่อย ๆ พวกคำโฆษณาขายของเกินจริง 

อย่างเช่น ครีมหน้าใส ใช้แล้วขาวขึ้นทันที เห็นผลทันตา ภายใน 3 วัน ไม่ระบุส่วนผสมชัดเจน เชื่อว่ามีคนที่อาจจะเผลอไปเชื่อการตลาดเหล่านี้ จนซื้อมาใช้ พอใช้ไปเรื่อย ๆ ก็เริ่มมีปัญหาผิวตามมา 

ต่อเลิกใช้ไปแล้ว แต่สิวก็ยังเห่อไม่หยุด เราเรียกสิวประเภทนี้ว่า “สิวสเตียรอยด์” หรือ สิวติดสาร สิวแพ้สาร ซึ่งความหมายก็ตรงตามตัว เป็นสิวที่เกิดจากการใช้สเตียรอยด์มากเกินไป แต่นอกจากการใช้พวกเครื่องสำอาง สกินแคร์ที่มีสเตียรอยด์ ก็ยังมีสาเหตุอื่น ๆ ที่ทำให้หน้าติดสารสเตียรอยด์ได้เช่นกัน

ใครที่กำลังเครียดว่าหน้าติดสาร จะรักษายังไงดี หายกังวลใจได้เลย เพราะวันนี้ เราจะพาทุกคนไปรู้จักกับสาเหตุ และบอกวิธีรักษาสิวสเตียรอยด์ด้วยตัวเอง แบบไม่ต้องเสียเงินหลักหมื่น ก็ช่วยกู้หน้าสวย ๆ กลับมาดูดีได้ดังเดิม ไปดูกันเลยว่ามีอะไรบ้าง

วิธีรักษาสิวสเตียรอยด์ด้วยตัวเอง [สรุป]

  • ใช้ผลิตภัณฑล้างหน้าหรือครีม Benzoyl peroxide
  • ใช้ Salicylic acid สำหรับสิวอุดตัน
  • Retinoids ดูแลภาพรวมสิว
  • ปรึกษาแพทย์ทานยา Antibiotics
  • ใช้แชมพูขจัดรังแค [สำหรับสิวยีสต์]

สิวสเตียรอยด์ คืออะไร เกิดจากอะไร

สิวสเตียรอยด์ คือ สิวรูปแบบหนึ่ง ที่มีอาการคล้าย ๆ กับสิวทั่วไป ต่างกันตรงที่ สิวปกติจะเกิดจากการสะสมของแบคทีเรีย หรือ P.acnes และเป็นการอักเสบของต่อมน้ำมันบนรูขุมขน 

แต่สิวสเตียรอยด์ เกิดจากการใช้สารสเตียรอยด์ ไม่ว่าจะเป็นแบบฉีด สูดดม หรือรับประทาน ซึ่งไปกระตุ้นให้ต่อมน้ำมันไวต่อการอักเสบ ทั้งหมดนี้ ล้วนแล้วแต่ส่งผลให้เกิดสิวสเตียรอยด์ได้หมด

วิธีรักษาสิวสเตียรอยด์ด้วยตัวเอง

สิวสเตียรอยด์ 2 ประเภท ที่พบเห็นได้บ่อย ได้แก่

  • Acne Vulgaris : เป็นประเภทที่พบบ่อยที่สุด เกิดจากการรักษาด้วยยา เพรดนิโซโลน (Prednisolone) เป็นยาในกลุ่มคอร์ติโคสเตียรอยด์ (Corticosteroid) เป็นเวลานาน
  • รูขุมขนอักเสบจากเชื้อรา (Malassezia Folliculitis) : คุ้นเคยกันในชื่อ “สิวยีสต์” หรือ Fungal Acne มักจะมีอาการคัน ขึ้นบริเวณหน้าอก ลำตัว รวมถึงใบหน้า ตัวกระตุ้นชั้นดี ที่ทำให้ Malassezia เติบโตได้ดี ก็คือ สเตียรอยด์

วิธีรักษาสิวสเตียรอยด์ด้วยตัวเอง 

1.ใช้ผลิตภัณฑล้างหน้าหรือครีม Benzoyl peroxide 

สิวแทบทุกชนิด ไม่ว่าจะสิวฮอร์โมน สิวอุดตัน สิวอักเสบ ล้วนรักษาด้วยวิธีคล้าย ๆ กัน คือ การใช้ Benzoyl peroxide ที่มาในรูปแบบของผลิตภัณฑ์รักษาสิวหลายชนิด เช่น ครีมรักษาสิว ยาแต้มสิว โฟมล้างหน้า ซึ่งเป็นวิธีที่ง่ายที่สุด สำหรับการรักษาสิวด้วยตัวเอง

แต่ก็ถือว่าเป็นสารที่สร้าง side effect ได้เยอะเหมือนกัน ถ้าหากเลือกใช้ไม่เหมาะกับสภาพผิว ดังนั้น สิ่งสำคัญในการใช้ Benzoyl peroxide รักษาสิวสเตียรอยด์ คือ ต้องเลือกความเข้มข้นที่เหมาะสมกับสภาพผิวของตัวเอง เป็นอันดับแรก

บางคนก็มีผิวที่สามารถทนต่อ Benzoyl peroxide ได้มากกว่า 10% แต่สำหรับคนที่มีผิวบอบบาง แพ้ง่าย อาจต้องเลือกที่ความเข้มข้นไม่สูงมาก ราว ๆ 4% ก็เพียงพอ หากใช้สำหรับใบหน้า หรือบริเวณที่ผิวบอบบาง 

2.ใช้ Salicylic acid สำหรับสิวอุดตัน

วิธีรักษาสิวสเตียรอยด์ด้วยตัวเอง

Salicylic acid เรียกได้ว่าเป็นส่วนผสมที่หลายคนคุ้นเคย เป็นอีกทางเลือกสำหรับคนที่ต้องการรักษาสิวที่ด้วยตัวเอง เพราะกรดซาลิไซลิก สามารถรักษาและป้องกันการเกิดสิวใหม่ได้ดีมาก พอ ๆ กับ Benzoyl peroxide แถมยังอ่อนโยนกว่า

ในกรณีที่กำลังรักษาสิวทุกรูปแบบ รวมถึงสิวสเตียรอยด์ ไม่ว่าจะรักษาที่ใบหน้า หน้าอก ลำคอ หรือตามตัว

จริง ๆ แล้ว Salicylic acid กับ Benzoyl peroxide สามารถใช้คู่กันได้ แต่ไม่แนะนำคู่กันเพราะอาจทำให้ระคายเคืองต่อผิวมากเกินไป ควรเลือกใช้เพียงอย่างใดอย่างหนึ่งเท่านั้น เพื่อหลีกเลี่ยงการอักเสบของสิว 

3.Retinoids ดูแลภาพรวมสิว

เรตินอยด์ (Retinoids) เป็นแนวทางการรักษาสิว อันดับแรก ๆ ที่มีความสำคัญมาก ๆ ก่อนจะไปมองหาตัวช่วยอื่น ๆ ให้ลองใช้ตัวนี้ดูก่อน ยิ่งสิวสเตียรอยด์ ไม่รู้จะใช้อะไรดี ให้ต้องลองศึกษาการใช้เรตินอยด์ดูก่อน

เพราะเรตินอยด์ เป็นตัวช่วยดูแลสิว ดูแลภาพรวมของสภาพผิวหนังทุกรูปแบบ โดยสรรพคุณของเรตินอยด์ ยังช่วยลดการเกิดใหม่ของสิว ลดการอุดตันรูขุมขน รักษาสิวได้ดี และยังลดการทิ้งรอยแผลจากสิวได้ด้วย 

พวกครีม โฟม เจล ที่มีเรตินอยด์ จะช่วยรักษาระดับการผลิตน้ำมันบนผิวหนัง ลดแบคทีเรียที่ทำให้เกิดสิว และลดการอักเสบได้ดีมาก อาจต้องใช้เวลา 3 เดือนในการใช้งานเป็นประจำจึงจะเห็นผล

Tips การใช้เรตินอยด์รักษาหน้าติดสารสเตียรอยด์ 

  • ทาครีมเรตินอยด์ขนาดเท่าเมล็ดถั่วให้ทั่วผิว วันละ 1 ครั้ง หลังล้างหน้า 20-30 นาที

หากใช้เรตินอยด์ครั้งแรก แล้วมีรอยแดง ผิวลอก หรืออาการสิวแย่ลง ให้ลดปริมาณการใช้ จากวันละครั้ง เป็นวันเว้นวัน จนกว่าร่างกายจะชิน หรือให้ใช้ผสมกับมอยส์เจอร์ไรเซอร์ 

4.ปรึกษาแพทย์ทานยา Antibiotics

ยาปฏิชีวนะ (Antibiotics) เป็นทางเลือกสุดท้าย สำหรับใครที่ลองทำตามวิธีด้านบน แล้วไม่ได้รับผลลัพธ์ที่พึงพอใจ แนะนำให้พบแพทย์ผู้เชี่ยวชาญเฉพาะด้าน 

แพทย์อาจสั่งยาปฏิชีวนะแบบรับประทานแบบ off-lebel ให้ หรือยาปฏิชีวนะเฉพาะที่เพื่อรักษาสิวสเตียรอยด์

แต่การรักษาด้วยยาปฏิชีวนะอาจใช้เวลาหลายสัปดาห์ และยาปฏิชีวนะไม่ใช่วิธีแก้ปัญหาสิวในระยะยาว ขึ้นอยู่กับดุลยพินิจของแพทย์

5.ใช้แชมพูขจัดรังแค [สำหรับสิวยีสต์]

เพราะสิวยีสต์ เกิดจากเชื้อรา ดังนั้น ควรฆ่าเชื้อราให้หมดไป ด้วย Ketoconazole, Zinc Pyrithione หรือ Selenium Sulfide ที่หาได้ง่าย ๆ ในแชมพูขจัดรังแค 

โดย Dr. Kim แนะนำให้ทาลงบนผิวที่แห้งบริเวณที่เป็นสิวยีสต์ 10 นาที แล้วล้างออก จะช่วยฆ่าเชื้อรา Malassezia Folliculitis สาเหตุของสิวยีสต์ได้

Tips รักษาสิวสเตียรอยด์ไม่ให้กลับมาเป็นซ้ำ

วิธีรักษาสิวสเตียรอยด์ด้วยตัวเอง
  1. ทำความสะอาดผิวอย่างอ่อนโยน อย่างน้อย วันละ 2 ครั้ง ควรเป็นเวลาก่อนนอนตอนกลางคืน และ ตอนเช้าหลังตื่นนอน
  2. ใช้ผ้าเช็ดตัวเช็ดเหงื่อออกจากผิวเมื่อออกกำลังกาย อย่าปล่อยให้มีการหมักหมมของแบคทีเรีย
  3. ใช้ผลิตภัณฑ์ หรือ ใช้สกินแคร์ที่ช่วยเรื่องสิวให้ถูกประเภท และเลือกความเข้มข้นที่เหมาะสมกับผิวหน้าตัวเอง

คำถามที่พบบ่อย

สิวสเตียรอยด์ รักษานานไหม?

สิวสเตียรอยด์ รักษานานประมาณ 3-6 เดือน การที่หน้าแพ้สารสเตียรอยด์ จนเกิดเป็นสิวสเตียรอยด์ขึ้นมา แน่นอนว่าต้องใช้เเวลารักษานานกว่าสิวทั่ว ๆ ไป ที่บางกรณีใช้ยาแต้มสิวก็ดีขึ้นได้เร็ว เพราะสิวสเตียรอยด์เป็นปัญหาที่ล้ำลึกกว่ามาก การจะแก้ที่สาเหตุจึงต้องใช้เวลานานกว่า

ในกรณีที่ใช้ยาปฏิชีวนะตามแพทย์สั่ง อาจใช้เวลา 4-8 สัปดาห์ ก่อนจะเผยผลลัพธ์ที่ดีขึ้นภายใน 3-6 เดือน

มีการศึกษา พบว่า การใช้ Tretinoin 0.05% ซึ่งเป็นยากลุ่มกรดวิตามินเอหรือยาเรตินอยด์ ใช้วันละ 1-2 ครั้ง สามารถช่วยให้สิวสเตียรอยด์หายได้ ภายใน 2-3 เดือน 

แน่นอนว่าวิธีทั้งหมดนี้ ที่เราได้รวบรวมมาให้เพื่อน ๆ อาจจะต้องใช้ทั้งเวลา และความอดทน ดังนั้น ต้องมีความใจเย็นมาก ๆ ที่จะทำให้การรักษาเป็นไปอย่างราบรื่น 

สิวสเตียรอยด์รักษายังไงให้หายขาด อาจจะยากลำบากไปสักหน่อย แต่เพื่อกู้หน้าใส ไร้สิวคืนกลับมา บอกเลยว่าความใจเย็นจะให้ผลตอบแทนที่คุ้มค่าแน่นอน เราจะสู้เพื่อผิวสวยไปด้วยกัน! 

อ้างอิง 

https://www.verywellhealth.com/can-steroids-such-as-prednisone-cause-acne-1942982

https://www.medicalnewstoday.com/articles/325997#treatment

https://www.healthline.com/health/steroid-acne

https://www.healthline.com/health/beauty-skin-care/salicylic-acid-vs-benzoyl-peroxide

Matchamonraya Pathinonpipat

Matchamonraya Pathinonpipat

มัชช์ จบการศึกษาจากคณะเภสัชศาสตร์ หลักสูตรวิทยาศาสตรบัณฑิต สาขาวิชาวิทยาศาสตร์เครื่องสำอาง
หรือ cosmetic science เป็นทั้งนักวิชาการด้านวิทยาศาสตร์เครื่องสำอาง และเป็นนักเขียนประจำของเว็บไซต์เรา มีประสบการณ์ทำงานร่วมกับแบรนด์สินค้าออแกนิคมากมาย ไม่ว่าจะเป็น Skin1004 THREE Origins เป็นต้น โดยมีความสนใจและความรู้ความเข้าใจในสกินแคร์บำรุงผิวที่มีส่วนผสมมาจากธรรมชาติเป็นหลัก เน้นสร้างคอนเทนต์รวบรวมสกินแคร์ดีๆ แชร์ทริคการรักษาสิว ดูแลผิวแพ้ง่าย การชะลอวัย รวมทั้งหาผลิตภัณฑ์ใหม่มาแนะนำทุกคนกันค่ะ