เมื่อพูดถึงปัญหากลิ่นตัว ก็เป็นปัญหาที่เกิดขึ้นได้กับทุกคน และเกิดขึ้นได้ง่าย โดยเฉพาะอากาศบ้านเรา ที่เรียกได้ว่า ร้อนแทบทุกวัน! ขยับตัวนิดหน่อย เหงื่อก็พร้อมจะท่วมไปทั้งร่างกาย จนเกิดการสะสมของเหงื่อ และเป็นต้นเหตุปัญหา ที่ทำให้เกิดกลิ่นตัวตามมา
ยิ่งหากเกิดขึ้นกับผู้หญิงอย่างเราด้วยแล้ว ก็ทำให้หลายคนกังวล จนเสียความมั่นใจ เสียบุคลิก แถมกลิ่นตัวนี้ ก็อาจจะส่งผลต่อคนรอบข้างอีกด้วย
สำหรับใคร ที่เจอปัญหากลิ่นตัวแรง และ อยากแก้ไขปัญหานี้ให้เร็วที่สุด เราจึงได้รวมทั้ง สาเหตุของการเกิดกลิ่นตัวว่า นอกจากเหงื่อออกสะสม แล้วจะมีสาเหตุอะไรได้อีกบ้าง?
พร้อมวิธีดับกลิ่นตัว ผู้หญิง ที่กำลังเจอกับปัญหานี้ เพื่อกู้ความมั่นใจ ของปัญหาใต้วงแขน ให้กลับคืนมาอีกครั้ง
วิธีดับกลิ่นตัว ผู้หญิง [สรุป]
- อาบน้ำเป็นประจำ ทั้งเช้า-เย็น
- เช็ดตัวให้แห้งหลังอาบน้ำ
- สวมเสื้อผ้าที่สะอาด
- สวมเสื้อผ้าที่ระบายอากาศได้ดี
- ลดอาหารและเครื่องดื่มบางชนิด
- ควรโกนขนรักแร้เป็นประจำ
- ใช้ผลิตภัณฑ์ระงับกลิ่นกาย
กลิ่นตัวแรง ผู้หญิงเกิดจากอะไร
กลิ่นตัวแรง ผู้หญิงเกิดจาก ต่อมเหงื่อ Apocrine ที่จะปล่อยเหงื่อออกมา เพื่อระบายความร้อนออกจากร่างกาย จากขาหนีบ เต้านม และบริเวณรักแร้ ซึ่งในเหงื่อนี้เอง ก็จะประกอบไปด้วย โปรตีน ไขมัน และสารประกอบอื่น ๆ
ถึงแม้เหงื่อจะไม่มีกลิ่น แต่เมื่อเหงื่อ เจอกับแบคทีเรีย ก็จะทำให้เกิดกลิ่นตัวขึ้น จากการที่แบคทีเรียสลายเหงื่อ ให้เป็นกรดไขมัน
นอกจากนี้ ก็มีปัจจัยเพิ่มเติม ที่ทำให้เกิดปัญหากลิ่นตัวแรง ผู้หญิง เช่น
- กรรมพันธุ์: หากพ่อ แม่ มีเหงื่อออกเยอะ หรือมีกลิ่นตัว ก็อาจส่งผลต่อตัวเราได้เช่นกัน
- ความเครียด: หากเครียดมากเกินไป หัวใจจะทำงานเร็วขึ้น และส่งผลไปยังต่อมเหงื่อ Apocrine ให้ผลิตเหงื่อที่มีกลิ่นมากขึ้น
- ฮอร์โมน: ฮอร์โมนที่เพิ่มขึ้น จะทำให้ต่อมเหงื่อ ทำงานมากขึ้น
- โรคประจำตัว: โรคเบาหวาน โรคไต หรือโรคตับ รวมถึง สภาวะที่ต่อมไทรอยด์ ทำงานมากเกินไป ก็อาจส่งผลต่อกลิ่นตัวได้
- น้ำหนักที่เพิ่มขึ้น: เกิดได้จาก การสะสมของเหงื่อ และแบคทีเรีย ตามข้อพับ และขาหนีบ จนเป็นสาเหตุของการเกิดกลิ่นตัว
- อาหารรสจัด: อาหารที่มีกลิ่นฉุน เครื่องเทศ หรือผักบางชนิดที่มีกำมะถัน เพราะเมื่อทานมาก ๆ ก็จะทำให้เกิดการสะสม และถูกขับออกมา ทางต่อมเหงื่อเอคครีน ส่งผลให้กลิ่นตัวแรงขึ้น
7 เคล็ดลับ วิธีดับกลิ่นตัวสำหรับผู้หญิง
1.อาบน้ำเป็นประจำ ทั้งเช้า-เย็น
ทุกวันที่ต้องออกไปเจอกับมลภาวะ หรือ เจอกับอากาศร้อน จนทำให้เหงื่อออกตามร่างกาย รวมไปถึงบริเวณรักแร้ อย่างที่บอกว่า เหงื่อจะไม่มีกลิ่น แต่เมื่อเหงื่อออกมาก ๆ แล้วเจอกับแบคทีเรีย ที่อยู่บนผิวหนัง ก็อาจจะทำให้เกิดกลิ่นตัวได้
ดังนั้น เมื่อกลับมาถึงบ้าน ก็ควรรีบอาบน้ำทันที โดยใช้ครีมอาบน้ำกลิ่นหอม ๆ หรือใช้สบู่แอนตี้แบคทีเรีย ช่วยทำความสะอาด
และการอาบน้ำ ก็ควรอาบน้ำอย่างน้อยวันละ 2 ครั้ง ทั้งเช้า-เย็น เพื่อทำความสะอาดร่างกาย เพื่อขจัดสิ่งสกปรก คราบเหงื่อ กำจัดกลิ่นรักแร้ ไม่ให้เกิดกลิ่นตัวสะสม
2.เช็ดตัวให้แห้งหลังอาบน้ำ
หลังจากที่อาบน้ำเสร็จ ก็ควรรีบเช็ดตัว และบริเวณรักแร้ ให้แห้งอยู่เสมอ เพราะเชื้อแบคทีเรีย จะเติบโตได้ไว ในสภาพแวดล้อมที่มีความชื้นสูง และเชื้อแบคทีเรียนี้เอง ก็เป็นปัญหาของ การเกิดกลิ่นตัวด้วยเช่นกัน
3.สวมเสื้อผ้าที่สะอาด
วิธีดับกลิ่นเต่าง่าย ๆ และไม่ต้องยุ่งยาก คือ การสวมเสื้อผ้าที่สะอาด เพราะ หากใส่เสื้อผ้าซ้ำ ๆ เดิม ๆ ทุกวัน ก็จะทำให้เกิดการสะสม ของคราบฝุ่น เหงื่อ แบคทีเรีย จนเป็นกลิ่นตัวสะสมได้
รวมถึง คนที่ออกกำลังกายเป็นประจำ ก็ควรเปลี่ยนเสื้อผ้าทันที หลังจากออกกำลังกายเสร็จ เพราะ การสวมเสื้อผ้าที่มีเหงื่อ ก็จะก่อให้เกิดแบคทีเรีย และทำให้มีกลิ่นตัว ที่สำคัญ ก็ควรซักเสื้อผ้าออกกำลังกายบ่อย ๆ ด้วย
4.สวมเสื้อผ้าที่ระบายอากาศได้ดี
นอกจาก การสวมเสื้อผ้าที่สะอาดแล้ว การสวมเสื้อผ้าที่ระบายอากาศได้ดี ก็เป็นอีกวิธีลดกลิ่นตัว ผู้หญิงได้อีกด้วย โดยให้เลือกเสื้อ เป็นผ้าธรรมชาติอย่าง ผ้าฝ้าย (Cotton)
เนื่องจากผ้าฝ้าย เป็นเส้นใยธรรมชาติ มีน้ำหนักเบา ระบายอากาศได้ดี ทำให้หากมีเหงื่อออกที่รักแร้ ผ้าก็จะช่วยระบายอากาศ ทำให้หมดปัญหากลิ่นตัว
หากเป็นชุดออกกำลังกาย ก็เลือกสปอร์ตบราที่รูระบายอากาศ หรือผ้าที่ช่วยให้เหงื่อแห้งไว ไม่มีกลิ่นอับสะสม
ควรหลีกเลี่ยงเนื้อผ้า ที่มีความหนามากเกินไป เช่น ผ้าโพลีเอสเตอร์ ผ้าไนลอน ผ้าซาติน และผ้าเรยอน
5.ลดอาหารและเครื่องดื่มบางชนิด
หลีกเลี่ยงการกินอาหารรสจัด อาหารที่มีกลิ่นแรง เพราะจะทำให้เหงื่อออกเป็นจำนวนมาก และส่งผลต่อกลิ่นตัว ที่ไม่พึงประสงค์ได้ เช่น
- กระเทียม
- หัวหอม
- บรอกโคลี
- กะหล่ำปลี
- ดอกกะหล่ำ
- พริกเผ็ด
- อาหารรสเผ็ด
- เครื่องดื่มที่มีคาเฟอีน
- แอลกอฮอล์
6.ควรโกนขนรักแร้เป็นประจำ
ต่อมอะโพไครน์ (Apocrine) คือ ต่อมเหงื่อ ที่อยู่บริเวณที่มีเส้นขน ไม่ว่าจะเป็น หนังศีรษะ หรือรักแร้ ยิ่งหากเรา มีขนรักแร้มาก และไม่มีการโกนเลย ทำให้เวลาเหงื่อออกมาก ๆ ก็จะเกิดกลิ่นตัวได้ จากการสะสมของสิ่งสกปรก แบคทีเรีย
ดังนั้น วิธีลดกลิ่นตัว ดับกลิ่นเต่า ผู้หญิง อย่างการโกนขนรักแร้เป็นประจำ ก็จะช่วยให้เหงื่อ ระบายได้ง่ายขึ้น ช่วยกําจัดกลิ่นรักแร้ และควบคุมกลิ่นตัวได้
ใครกลัวโกนขนรักแร้แล้วดำหรือเป็นตอ แนะนำให้อ่านวิธีโกนขนรักแร้ที่ถูกต้องก่อนโกนด้วยนะ
7.ใช้ผลิตภัณฑ์ระงับกลิ่นกาย
การใช้ผลิตภัณฑ์ระงับกลิ่นกาย ก็เป็นวิธีดับกลิ่นเต่า ที่ทำได้ง่ายที่สุด ซึ่งผลิตภัณฑ์เหล่านี้ อย่าง สเปรย์ดับกลิ่นตัว หรือ โรลออนระงับกลิ่นตัว เมื่อใช้กับบริเวณรักแร้ ก็จะช่วยลดปริมาณ แบคทีเรียบนผิวหนัง และช่วยกลบกลิ่นตัว ด้วยกลิ่นหอม ของผลิตภัณฑ์
บทส่งท้าย
หากผู้หญิงคนไหน ที่กำลังเจอปัญหากลิ่นตัวแรงอยู่ ก็อยากให้ลองเอา วิธีดับกลิ่นตัว ผู้หญิง ไปทำตามกันดู
ซึ่งปัญหาเรื่องกลิ่นตัวแรง ก็เป็นปัญหาที่แก้ไขได้ไม่ยาก ขอแค่เราเข้าใจ และรู้ถึงสาเหตุ ของการเกิดกลิ่นตัว ก็จะทำให้แก้ไขได้ตรงจุด เพียงเท่านี้ ก็ทำให้หมดปัญหากลิ่นตัวกวนใจ และช่วยกู้คืนความมั่นใจ ที่ไม่ว่าจะเหงื่อออกแค่ไหน ก็ไม่มีหวั่นแล้ว