ขั้นตอนการแต่งหน้านั้นสำคัญมาก ๆ เรียกว่าเป็นศาสตร์อย่างหนึ่งที่ลึกซึ้ง และมีรายละเอียดมากมาย แต่นอกจากการลงมือแต่งหน้า จนได้ผลลัพธ์ที่น่าพอใจแล้ว สิ่งที่สำคัญซึ่งมองข้ามไปไม่ได้คือ การเช็ดเครื่องสำอาง
มือใหม่หลาย ๆ คน อาจคิดว่าแค่ล้างหน้าทำความสะอาด ไม่ห็นน่าจะมีอะไรยุ่งยาก แต่ที่จริงแล้ว การเช็ดเครื่องสำอางให้สะอาดหมดจดนั้น มีขั้นตอนที่ต้องใส่ใจไม่น้อยเลย เพราะหากทำความสะอาดผิวไม่ดีพอ อาจก่อให้เกิดปัญหาสิวตามมาได้
วันนี้ เราจะมาแนะนำวิธีเช็ดหน้าด้วยคลีนซิ่งที่ถูกต้อง จะมีขั้นตอนการล้างเครื่องสำอางอย่างไร ให้ผิวหน้าสะอาดหมดจด ไม่ทิ้งสิ่งสกปรกให้อุดตันในรูขุมขน จนทำให้เป็นสาเหตุของสิวในภายหลังได้
วิธีเช็ดหน้าด้วยคลีนซิ่ง [สรุป]
- เลือกคลีนซิ่งที่เหมาะกับสภาพผิว
- เท Micellar Water ลงบนสำลีแผ่น
- เช็ดคลีนซิ่งตามแนวขน
- เช็ดอายรีมูฟเวอร์ด้วยการหลับตาและเช็ดลง
- เลือกใช้คลีนซิ่งออยล์ บาล์ม ถู 2 รอบ สำหรับเมคอัพกันน้ำ
- ใช้คลีนเซอร์ตามหลังคลีนซิ่งเสมอ
วิธีเช็ดหน้าด้วยคลีนซิ่ง
1.เลือกคลีนซิ่งที่เหมาะกับสภาพผิว
เชื่อว่าหลาย ๆ คนมักมีความเข้าใจว่า คลีนซิ่งตัวไหน ๆ ก็ใช้ได้กับทุกสภาพผิว แต่จริง ๆ แล้วเป็นความเข้าใจที่ผิด แม้แต่การใช้คลีนซิ่ง หรือ Makeup Remover ก็มีชนิดที่เหมาะกับสภาพผิวที่แตกต่างกัน ดังนั้นจึงควรเลือกโดยคำนึงถึงผิวของคุณด้วย
- ผิวแห้ง = ควรเลือกคลีนซิ่งแบบครีม, บาล์ม, คลีนซิ่งออยล์ หรือคลีนซิ่งน้ำนม
- ผิวมัน = ควรเลือก Cleansing Water หรือคลีนซิ่งสูตร Oil Free
- ผิวผสม = ควรเลือกคลีนซิ่งเจล คลีนซิ่งบาล์ม
- ผิวแพ้ง่าย = ควรเลือกสูตร Sensitive Skin หรือคลีนซิ่งสำหรับคนเป็นสิวก็ได้เช่นกัน
2.เท Micellar Water ลงบนสำลีแผ่น
หากคุณตัดสินใจไม่ได้ว่าจะเลือกคลีนซิ่งแบบใด แนะนำใช้ Micellar Water ซึ่งค่อนข้างเหมาะกับทุกสภาพผิว และใช้ได้กับทุกประเภทเครื่องสำอาง เรียกว่าเป็นคลีนซิ่งอเนกประสงค์ ที่ใช้ในการขจัดสิ่งสกปรก น้ำมัน และล้างเครื่องสำอาง ก่อนทำความสะอาดผิวหน้า
แนะนำให้ใช้สำลีแผ่นแทนสำลีก้อน เพราะสำลีก้อน อาจทิ้งสิ่งตกค้างไว้บนผิวหนัง และทิ้งเส้นใยเล็ก ๆ ไว้บนขนตาของคุณ เพื่อหลีกเลี่ยงสิ่งแปลกปลอมที่อาจเกิดขึ้น การเลือกใช้สำลีแผ่นเป็นสำลีเช็ดหน้า จึงเหมาะกับการเช็ดเครื่องสำอางมากกว่า
3.เช็ดคลีนซิ่งตามแนวขน
เทคนิคอย่างหนึ่งในการเช็ดเครื่องสำอาง คือ การเช็ดคลีนซิ่งไปตามแนวรูขุมขน ซึ่งจะทำให้สิ่งสกปรกหลุดออก และไม่ย้อนกลับลงไปในรูขุมขนอีก ซึ่งการเช็ดตามแนวขนมีวิธี คือ
- หน้าผาก : เช็ดจากตรงกลางแล้วลากออกไปด้านข้าง เช็ดไปทิศทางเดียวไม่วนมือกลับมา
- แก้ม : เช็ดจากกึ่งกลางใกล้จมูก โค้งลงแล้ววกขึ้นเล็กน้อย
- จมูก : เช็ดตรง ๆ ลงมาตามแนวสันจมูก
- คาง : บริเวณเหนือริมฝีปาก และคาง ให้เช็ดตรง ๆ ลงมาได้เลย
แนะนำให้เช็ดด้วยสัมผัสที่อ่อนโยน ถ้าคุณเป็นคนหนึ่งที่มักใช้สำลีชุบคลีนซิ่ง แล้วขัดหน้าแรง ๆ เพื่อให้แน่ใจว่าเครื่องสำอางหลุดออกหมด ขอให้คุณเปลี่ยนเป็น ค่อย ๆ เช็ดและซับออกจะดีกว่า ใช้แรงกดเบา ๆ เพื่อไม่ทำให้ผิวระคายเคือง
โดยเฉพาะรอบดวงตา ควรเช็ดและกดเบา ๆ บริเวณรอบ ๆ สัก 15 – 20 วินาที เพื่อลบเครื่องสำอางออก หลีกเลี่ยงการขัด ขยี้ เพราะจะเป็นการทำร้าย และสร้างริ้วรอยรอบดวงตาได้
ลองใช้นิ้วมือข้างหนึ่งดึงหนังช่วงคิ้วขึ้น แล้วใช้มืออีกข้างเช็ดบริเวณดวงตาแบบกวาดลง จะช่วยป้องกันไม่ให้คุณดึงผิวรอบดวงตามากเกินไป
4.เช็ดอายรีมูฟเวอร์ด้วยการหลับตาและเช็ดลง
บริเวณดวงตาเป็นส่วนที่ค่อนข้างละเอียดอ่อน จึงควรเลือกใช้ผลิตภัณฑ์สำหรับดวงตาโดยเฉพาะ อย่าง Eye Remover ยิ่งถ้าคุณเป็นคนที่แต่งตาแบบติดทน
ไม่ว่าจะอายไลเนอร์ ขนตาปลอม มาสคาร่า อายแชโดว์ ยิ่งจำเป็นต้องใช้ผลิตภัณฑ์ที่อ่อนโยน ไม่ทำให้ระคายเคืองต่อดวงตาของคุณ
และวิธีใช้คลีนซิ่งบริเวณดวงตา แนะนำให้หลับตา และแปะสำลีแผ่นทิ้งไว้สักครู่ ประมาณ 10 วินาที จากนั้นลากลงมาตามแนวขนตา (จากเปลือกตา ลงมายังบริเวณหน้าแก้ม) จะช่วยให้อายรีมูฟเวอร์ไม่เข้าตา และทำความสะอาด Eye Makeup ได้หมดจด
อย่าลืมใช้ Cotton Bud เช็ดตามขอบตา Waterline เพราะอาจมีคราบมาสคาร่า คราบอินไลเนอร์หลงเหลืออยู่ |
5.เลือกใช้คลีนซิ่งออยล์ บาล์ม ถู 2 รอบ สำหรับเมคอัพกันน้ำ
สำหรับวิธีการใช้คลีนซิ่งออยล์ บาล์ม ทำความสะอาดผิวหน้า หรือ มาสคาร่ากันน้ำขั้นสุด การเปลี่ยนไปใช้คลีนซิ่งออยล์ บาล์ม ถูเบา ๆ แทนไมเซลล่าวอเตอร์ก็เป็นทางเลือกที่ถนอมผิว ลดการเสียดสี
- ควรหลับตาให้สนิท ป้องกันเนื้อผลิตภัณฑ์เข้าตา และระคายเคือง
- กดออยล์หรือบาล์มใส่ปลายนิ้ว วอร์มให้ทั่วฝ่ามือ แล้วถูเบา ๆ วนไปเรื่อย ๆ
- นำมือไปจุ่มน้ำเล็กน้อย แล้วนำมาถูต่อให้ออยล์ หรือ บาล์มเปลี่ยนเป็นเนื้อน้ำนมทั่วใบหน้า
- ล้างออกด้วยน้ำสะอาด
ทริคคือ ควรให้เวลาถูรอบ 1 และรอบ 2 ให้นานพอ เพื่อให้คราบออกหมดและไม่ก่อสิวตามมา
6.ใช้คลีนเซอร์ตามหลังคลีนซิ่งเสมอ
หลังทำความสะอาดเครื่องสำอางด้วยคลีนซิ่งแล้ว ควรล้างหน้าด้วยคลีนเซอร์ตามหลังทุกครั้ง เพื่อให้แน่ใจว่าได้ล้างเครื่องสำอางที่อาจหลงเหลืออยู่ ล้างน้ำมันจากคลีนซิ่งบางประเภท รวมทั้งสิ่งสกปรกที่อาจตกค้างบนผิวหน้า
ซึ่งคลีนเซอร์ก็มีหลายชนิด ทั้งโฟมล้างหน้า และเจลล้างหน้า จึงควรเลือกที่เหมาะกับสภาพผิวด้วย
ข้อควรรู้เกี่ยวกับการเช็ดหน้าด้วยคลีนซิ่ง
- อย่าลืมทำความสะอาดบริเวณไรผม รอบ ๆ กรอบหน้า มักเป็นจุดที่หลาย ๆ คนละเลย ซึ่งทำให้เป็นสาเหตุให้เครื่องสำอางตกค้าง และอุดตันรูขุมขน จนทำให้เกิดสิวได้
- หากคุณทาลิปสติกที่ติดทนนาน หลุดยาก ให้ใช้คลีนซิ่งออยล์เช็ดออกจะง่ายกว่า
- อย่าลืมใช้คอตตอนบัตสำหรับทำความสะอาด Waterline ตามแนวขนตา หากแต่งตาด้วยการเขียนขอบตาด้านใน
- เลี่ยงการใช้กระดาษทิชชูเปียกสำหรับทารก แม้จะมีความอ่อนโยน แต่ไม่ได้ออกแบบมาเพื่อลบเครื่องสำอางได้
คำถามที่พบบ่อย
เช็ดคลีนซิ่งแล้วต้องล้างหน้าไหม
หลังจากเช็ดคลีนซิ่งแล้ว ควรล้างหน้าต่อด้วยโฟมล้างหน้าทุกครั้ง แน่นอนว่าการเช็ดคลีนซิ่งนั้น เช็ดเครื่องสำอางได้สะอาดในระดับที่น่าพอใจมากแล้ว แต่ก็อาจมีน้ำมันจากตัวคลีนซิ่งเอง หรือ เครื่องสำอางที่ตกค้างหลงเหลืออยู่ การล้างหน้าด้วยคลีนเซอร์ตามหลัง จะช่วยขจัดสิ่งเหล่านี้ให้หลุดออกไป
เช็ดคลีนซิ่งกี่รอบ
ควรเช็ดคลีนซิ่ง จนกว่าสำลีที่ใช้เช็ดเปลี่ยนสีน้อยที่สุด หรือ เช็ดจนสำลีไม่มีคราบเครื่องสำอางติดอยู่
สำหรับคนไม่แต่งหน้าหรือแต่บาง ๆ อาจจะเช็ดเพียง 2-3 รอบก็เพียงพอ
และในตอนเช้า ก็ไม่จำเป็นต้องเช็ดคลีนซิ่งซ้ำ เพียงแค่ล้างความมันที่เกิดขึ้นระหว่างนอนหลับ แล้วบำรุงด้วยสกินแคร์ตามปกติก็เพียงพอ
เชื่อว่าหลาย ๆ คนต้องเคยเป็นกันแน่นอน วันที่เหนื่อย ๆ ทำงาน กลับมาบ้านก็ล้มตัวลงนอน ไม่ไหวจะลุกไปเช็ดเครื่องสำอาง กว่าจะรู้ตัวอีกทีก็เช้าอีกวันไปแล้ว
บอกเลยว่าเรื่องใหญ่แน่ ๆ หากลืมเช็ดบ่อย ๆ เข้า อาจทำให้เกิดปัญหากับผิวหน้าของคุณได้ ไม่ว่าจะเป็น
- ผิวหน้าดูแก่ก่อนวัย
- สิวขึ้น
- ระคายเคืองตา
- ผิวหน้าแห้ง
เพราะการแต่งหน้าเป็นประจำ อาจทำให้ผิวหน้าของเรารับภาระหนักไปบ้าง หรืออย่างที่หลายคนเรียกว่าขาดอากาศหายใจ การทำความสะอาด เช็ดล้างเครื่องสำอางในแต่ละวัน จึงเหมือนเป็นการพักผิวหน้า ให้ได้สูดอากาศสดชื่น และผ่อนคลายมากขึ้นด้วย
ต้องบอกว่าการทำความสะอาดผิวหน้า คือสิ่งจำเป็นที่ต้องทำทุกวันก่อนนอน ไม่ควรนอนหลับไปทั้ง ๆ ที่ยังไม่ล้างเครื่องสำอาง เพราะอาจทำให้เกิดปัญหาผิว สิวขึ้น กลายเป็นสิวอุดตัน สิวอักเสบได้
ถ้าไม่อยากต้องมานั่งปวดหัวกับเรื่องสิว ๆ ผิวแก่ ผิวแห้ง แล้วล่ะก็ คอยดูแลรักษาความสะอาดให้ผิวหน้าของคุณอยู่เสมอ เช็ดเครื่องสำอางทุกวันก่อนนอน และบำรุงผิวด้วยสกินแคร์ที่เหมาะสม เพื่อให้ผิวสวยสุขภาพดีไปอีกนาน ๆ