ไพรเมอร์เป็นไอเทมสำคัญที่เจอได้บ่อยในรีวิวช่องแต่งหน้า โดยที่เจ้าไพรเมอร์จะมีจุดเด่นคือช่วยปกปิดรูขุมขน ช่วยปรับผิวให้เราเรียบเนียนตลอดทั้งวันเลยค่ะ โดยปกติแล้วเวลาเราแต่งหน้าโดยที่ไม่ได้ลงไพรเมอร์ ลงเพียงรองพื้น คุณอาจจะพบกับปัญหาความมันเยิ้มเกือบทั่วทั้งหน้าเลยใช่ไหมคะ
ดังนั้น คนที่มีสภาพผิวมัน หรือผิวผสมหากอยากมีผิวโกลว์ ลุคปังล่ะก็ คุณต้องเลือกให้ครบเซตตั้งแต่การดูแลผิวกระทั่งการแต่งหน้าทั้งมอยเจอร์ไรเซอร์สำหรับผิวมัน, ผลิตภัณฑ์สำหรับผิวมัน, รองพื้นคุมมัน รวมไปถึงไพรเมอร์สำหรับผิวมัน
หากใครที่มีสภาพผิวมัน แล้วกลัวการแต่งหน้า กลัวอุดตัน ถ้าได้อ่านบทความนี้แล้ว รับรอง สิวลดลง ผิวมันลดลง แถมยังได้มีลุคผิวที่ฉ่ำวาวสุขภาพดี เมคอัพติดทนทั้งวันได้เหมือนสภาพผิวทั่ว ๆ ไปเลยค่ะ วันนี้มิสซี่เลยจะมาแนะนำวิธีการเลือกไพรเมอร์ที่ดีที่สุดมาฝากกันค่า ไปอ่านกันเลยยย
TOP 3 ไพรเมอร์ที่ดีที่สุด
#1 Bobbi Brown Vitamin Enriched Face Base
ราคา 2,680 บาท
#2 Benefit the POREfessional
ราคา 4,100 บาท
#3 Laura Mercier Pure Canvas Primer llluminating
ราคา 1,200 บาท
ไพรเมอร์ คือ
ไพรเมอร์ คือ ผลิตภัณฑ์ที่มีหน้าที่หลักคือช่วยเบลอรูขุมขน ปรับผิวให้ดูเนียน ปรับสภาพผิวมันและช่วยให้ผิวดูเงาโกลว์มากขึ้น และช่วยเติมในส่วนที่เป็นร่องแก้ม หลุมสิว หรือช่วงร่องใต้ตา เส้นตรงหน้าผากให้เต็มไม่ตกร่อง แถมยังทำให้เมคอัพติดทนมากขึ้น ไม่ทำให้รองพื้นไหลเยิ้มระหว่างวัน ปัจจุบันนี้มีไพรเมอร์หลายแบรนด์ที่ทำออกมาโดยมีคุณสมบัติเพิ่มเติมอย่างเติมความชุ่มชื้น คุมมัน ลดปัญหาสิวเพื่อตอบโจทย์ในทุก ๆ ปัญหาผิวได้เลือกใช้ตามสภาพผิวของตัวเองด้วย
ตารางเปรียบเทียบ “ไพรเมอร์ ยี่ห้อไหนดี”
ชื่อสินค้า | Bobbi Brown Vitamin Enriched Face Base | Cute Press Evory Retouch Pore Minimizing & Oil Control Primer | Laura Mercier Pure Canvas Primer llluminating | Benefit the POREfessional | Fenty Beauty Pro Filt’r Mattifying Primer | Smashbox Photo Finish Primer Water | MAKE UP FOR EVER Shine Control Primer | Makeup Revolution Colour Correct Primer | Smashbox Photo Finish Foundation Primer | Hourglass Veil Mineral Primer | KMA Secret Poreless Skin Primer | Maybelline Fit Me Primer Matte+Poreless SPF20 |
รูปสินค้า | ||||||||||||
คุณสมบัติ |
|
|
|
|
|
|
|
|
|
|
|
|
ราคาเต็ม | 2,680 บาท | 299 บาท | 1,750 บาท | 1,450 บาท | 1,420 บาท | 890 บาท | 1,400 บาท | 490 บาท | 1,350 บาท | 2,300 บาท | 490 บาท | 249 บาท |
ปริมาณ | 50 ml | 20 ml | 50 ml | 22 ml | 30 ml | 30 ml | 30 ml | 28 ml | 30 ml | 30 ml | 30 ml | 30 ml |
ตก ml ละ | 53.6 บาท | 14.9 บาท | 35 บาท | 66 บาท | 47.3 บาท | 30 บาท | 46.6 บาท | 17.5 บาท | 45 บาท | 76.6 บาท | 16.3 บาท | 8.3 บาท |
ความคุ้มค่า | ||||||||||||
เช็คส่วนลดที่ |
จะเลือกซื้อ ไพรเมอร์ ยี่ห้อไหนดี
1. ไพรเมอร์ที่ดีที่สุดโดยรวม : Bobbi Brown Vitamin Enriched Face Base (แนะนำสุด)
ราคา 2,680 บาท
ข้อดี
+ ผิวหน้าเนียนเรียบ ไม่ทิ้งคราบ
+ ปลื้มปริ่ม ตั้งแต่ใช้ครั้งแรก ผิวดูอิ่มน้ำ
+ กลิ่นหอมสดชื่น ทำให้แต่งหน้าง่ายขึ้น
ข้อเสีย
– เกิดสิวอุดตันได้ ถ้าล้างไม่ดี
– ไม่ได้ควบคุมมันได้มาก
ไพรเมอร์ Bobbi Brown แบรนด์ดัง เหมาะสำหรับผิวธรรมดาไปจนถึงผิวมัน จุดเด่นของไพรเมอร์กระปุกนี้คือ ช่วยคุมความมัน แต่ก็ช่วยให้ผิวชุ่มชื้นสุขภาพดี ช่วยล็อกเครื่องสำอางไว้บนหน้า ไม่ทำให้ผิวมัน เครื่องสำอางไหลเยิ้มในระหว่างวัน
โดยที่สูตรนี้จัดส่วนผสมที่บำรุงผิวทั้งเชียร์บัตเตอร์ ไฮยาลูโรเนตแอซิด และที่สำคัญไม่มีส่วนผสมของพาราเบน พาทาเลต ซัลเฟต กลูเตน และส่วนผสมจากสัตว์ สำหรับใครที่กำลังมองหา ไพรเมอร์ ยี่ห้อไหนดี มิสซี่แนะนำ Bobbi Brown ไว้ติดโต๊ะเครื่องแป้งดูค่ะ ผิวจะเลิศในทุก ๆ วันที่ตื่นมาเลยล่ะ
ปริมาณ 50 ml : ราคา 2,680 บาท (ตกml ละ 53.6 บาท)
สูตรไพรเมอร์ | เพิ่มความชุ่มชื้น, ควบคุมความมัน |
สี | เนื้อ |
ส่วนผสมบำรุงผิว | เชียบัตเตอร์, ไฮยาลูโรเนตแอซิด, วิตามินบี ซี และ อี, เกรปฟรุต, ดอกเจอราเนียม |
ผสมกันแดด/ผสมซิลิโคน | ✗,✓ |
2. ไพรเมอร์ราคาประหยัดที่สุด : Cute Press Evory Retouch Pore Minimizing & Oil Control Primer
ราคา 299 บาท
ข้อดี
+ เนื้อสัมผัสลื่นๆ เหมือนทาแป้ง
+ กลิ่นหอมอ่อน ๆ
+ แต่งหน้าเครื่องสำอางติดทนนาน คุมความมันบนใบหน้า
ข้อเสีย
– ควบคุมความมันได้พอประมาณ
– มีน้ำหอม
ไพรเมอร์คุมมัน ถูกและดีแบรนด์นี้ไม่มีไม่ได้ เหมาะสำหรับใครที่อยากลองใช้ไพรเมอร์ และเป็นคนผิวมัน รูขุมขนกว้าง แต่งหน้าไม่เคยติด รองพื้นตกร่องตลอด แนะนำให้ลอง Cute Press หลอดนี้เลยจ้ะ ดีจริงไม่จกตา
จุดเด่นของแบรนด์นี้คือช่วยปกปิดรูขุมขน กลบริ้วรอยร่องตื้นให้ดูเรียบเนียนขึ้นมาได้ แถมคุมความมันได้ด้วย และที่สำคัญทางแบรนด์ได้นำนวัตกรรม Instant Blurring ช่วยปรับสีผิวให้สม่ำเสมอ ใครที่กำลังมองหา ไพรเมอร์ ยี่ห้อไหนดี ราคาไม่แพง ต้องแบรนด์ Cute Press ตอบโจทย์ทุกสภาพผิวเลยจ้า
ปริมาณ 20 ml : ราคา 299 บาท (ตกml ละ 14.95 บาท)
สูตรไพรเมอร์ | ควบคุมความมัน, ปกปิดรูขุมขน |
สี | สีเนื้อ |
ส่วนผสมบำรุงผิว | ไม่ระบุ |
ผสมกันแดด/ผสมซิลิโคน | ✗,✓ |
3. ไพรเมอร์ ดีที่สุดสำหรับผิวหมองคล้ำ : Laura Mercier Pure Canvas Primer llluminating
ราคา 1,750 บาท
ข้อดี
+ ช่วยให้ผิวดูโกลว์มาก สวย
+ ทำให้การแต่งหน้าสนุกยิ่งขึ้น
+ ถ้าใช้คู่กับแป้งฝุ่นของแบรนด์จะยิ่งเป๊ะมาก
ข้อเสีย
– ไม่ได้คุมมันขนาดนั้น
– มีหลายเฉด เลือกใช้ให้ตรงกับเฉดสีผิว
ไพรเมอร์แบรนด์ Laura Mercier เป็นอีกหนึ่งแบรนด์ที่ทำเครื่องสำอางออกมาเพื่อตอบโจทย์หลาย ๆ เฉดผิว อย่างไพรเมอร์ไม่มีซิลิโคนหลอดนี้ เป็นสูตรที่เหมาะกับผู้ที่ผิวสองสี ผิวคล้ำ ผิวน้ำผึ้ง โดยที่ไพรเมอร์จะผสานผงมุกให้ผิวโกลว์ ผิวกระจ่างใสดูสุขภาพดี ลดความหมองคล้ำได้อย่างดี
และที่สำคัญคือเนื้อบางเบา คุมมันได้ดีเยี่ยม ใช้ได้กับทุกสภาพผิว แม้กระทั่งผิวแพ้ง่าย เพราะทางแบรนด์มีการเคลมว่าปราศจากพาราเบน, ซิลิโคน, น้ำหอม, น้ำมันเลยค่ะ ใครที่กำลังมองหา ไพรเมอร์ ยี่ห้อไหนดี หรือไพรเมอร์สำหรับคนเป็นสิว อยากให้ลองไพรเมอร์ Laura Mercier ยิ่งใช้คู่กับแป้งของ Laura เองคือเลิศ 10 10 10 ไปเลยค่ะ
ปริมาณ 50 ml : ราคา 1,750 บาท (ตกml ละ 35 บาท)
สูตรไพรเมอร์ | สูตรน้ำ เพิ่มความกระจ่างใส |
สี | สีเนื้อ (ส้มพีช) |
ส่วนผสมบำรุงผิว | Porcelain Flower, Micronized Pearl |
ผสมกันแดด/ผสมซิลิโคน | ✗, ✗ |
4. ไพรเมอร์ เหมาะสำหรับรูขุมขนกว้าง: Benefit the POREfessional
ราคา 1,450 บาท
ข้อดี
+ ปกปิดรูขุมขนได้ดีมาก
+ แต่งหน้าง่ายขึ้น
+ ใช้คู่กับรองพื้นได้ดี ไม่ตกร่อง
ข้อเสีย
– เบลอหลุมสิวยังไม่กริบเท่าไหร่
– ราคาเทียบกับปริมาณค่อนข้างแรง
ไพรเมอร์ benefit แบรนด์นี้เบลอผิวดีมาก รีวิวล้น ขึ้นชื่อเรื่องปกปิดรูขุมขนได้ดีเป็น primer คุมมันที่ถูกพูดถึงอันดับต้น ๆ เลยค่ะ เป็นสูตรที่เหมาะกับทุกสภาพผิว เนื้อเนียนสบาย ช่วยให้เมคอัพติดทนทั้งวัน ปกปิดรูขุมขนได้ดีเยี่ยม หากใช้คู่กับรองพื้นดี ๆ สักตัวคือปังแบบฉุดไม่อยู่เลยนะ สูตรนี้จะไม่มีสีฉะนั้นเข้าได้กับทุกเฉดผิว หากใครกำลังมองหาไพรเมอร์ ยี่ห้อไหนดี แนะนำไพรเมอร์ benefit หลอดนี้เลยค่า สุดปัง
ปริมาณ 22 ml : ราคา 1,450 บาท (ตกml ละ 66 บาท)
สูตรไพรเมอร์ | ช่วยเบลอรูขุมขน, ควบคุมความมัน |
สี | สีเนื้อ |
ส่วนผสมบำรุงผิว | วิตามินอี และ siliga ช่วยดูดซับความมัน |
ผสมกันแดด/ผสมซิลิโคน | ✗,✓ |
5. ไพรเมอร์ ดีที่สุดสำหรับผิวมัน: Fenty Beauty Pro Filt’r Mattifying Primer
ราคา 1,420 บาท
ข้อดี
+ ใช้แล้วดูเนียนกริบ แต่งหน้าเป๊ะมาก
+ ใช้กับรองพื้นแล้วผิวเนียนมาก
+ ล็อกเมคอัพได้ทั้งวัน
ข้อเสีย
– เนื้อจะออกแมตต์ คนผิวแห้งจะยิ่งรู้สึกผิวยิ่งแห้ง
– คุมความมันบนผิวได้ยังไม่ดีพอ
ไพรเมอร์ของแม่ริฮานน่านักร้องดัง ได้ผลิตไลน์เครื่องสำอางออกมา อย่างขวดนี้เป็นไพรเมอร์สูตรเนื้อแมตต์ ที่เกิดมาเพื่อคนผิวมัน-ผิวผสม และเป็นไพรเมอร์สูตร Oil-free เนื้อจะมีความบางเบาเป็นพิเศษ จึงทำให้เวลาคุณลงเมคอัพผิวก็จะดูสดใสตลอดทั้งวัน
ผิวเนียนเป๊ะ เบลอรูขุมขนได้เนียนกริบโดยไม่ทำให้ผิวเป็นคราบ มีส่วนผสมบำรุงผิวจาก Blue Agave Extract และ blurring powders ที่ช่วยให้ผิวดูกระจ่างใส ได้ลุคแมตต์เปรียบเหมือนใส่ฟิลเตอร์ไว้ที่ผิวตลอดทั้งวัน ใครที่กำลังมองหาไพรเมอร์ ยี่ห้อไหนดี แนะนำแบรนด์นี้เลย เริ่ด ๆ
ปริมาณ 30 ml : ราคา 1,420 บาท (ตกml ละ 47.3 บาท)
สูตรไพรเมอร์ | ปรับผิวให้เรียบเนียน, ล็อกเมคอัพให้ติดทน |
สี | ขาว |
ส่วนผสมบำรุงผิว | Blue Agave Extract, blurring powders |
ผสมกันแดด/ผสมซิลิโคน | ✗,✓ |
6. ไพรเมอร์ ดีที่สุดสำหรับผิวแห้ง: Smashbox Photo Finish Primer Water
ราคา 890 บาท
ข้อดี
+ ให้ความชุ่มชื้นกับผิว
+ ซึมไว ให้ความรู้สึกบางเบา
+ ใช้ง่าย ใช้ระหว่างวันก็ได้
ข้อเสีย
– หาซื้อยาก
– คุมปริมาณการใช้ได้ยาก
ไพรเมอร์ 2 in 1 ขวดนี้เหมาะสำหรับแห้ง-ผิวผสมเลยค่ะ ความพิเศษคือเป็นรูปแบบของสเปรย์ อารมณ์เหมือนสเปรย์น้ำแร่เลยค่ะ น้ำใส ๆ สัมผัสบางเบา แถมซึมไว และยังกักเก็บความชุ่มชื้นให้ผิวได้ดี ที่สำคัญคือเหมาะกับคนที่ผิวแพ้ง่าย ที่เป็นไพรเมอร์สำหรับคนเป็นสิวก็ได้เช่นกัน เพราะสเปรย์ขวดนี้ไม่มีส่วนผสมของซิลิโคน น้ำมัน หรือแอลกอฮอล์เลย ใครที่กำลังมองหาไพรเมอร์ ยี่ห้อไหนดี ขวดนี้ตอบโจทย์คนผิวแพ้ง่าย ผิวแห้งที่สุดค่ะ
ปริมาณ 30 ml : ราคา 890 บาท (ตกml ละ 30 บาท)
สูตรไพรเมอร์ | สูตรน้ำ เป็นสเปรย์ใส ๆ |
สี | สีใส |
ส่วนผสมบำรุงผิว | ไฮยาลูรอนิค |
ผสมกันแดด/ผสมซิลิโคน | ✗,✗ |
7. ไพรเมอร์ ดีที่สุดสำหรับผิวไม่สม่ำเสมอ: MAKE UP FOR EVER Shine Control Primer
ราคา 1,400 บาท
ข้อดี
+ เหมาะกับทุกสภาพผิว
+ คุมความมันได้ 20 ชม.
+ เนื้อลื่นมาก ดุจกำมะหยี่
ข้อเสีย
– รู้สึกเหนอะผิวหน้า
– ผิวไม่เนียนหลังจากแต่งหน้าแล้ว
ไพรเมอร์ที่ทางแบรนด์เคลมว่าสามารถควบคุมความมันได้ถึง 20 ชม. แบบว่าทั้งวันทั้งคืนกันไปเลยสิคะ แถมยังเหมาะกับทุกสภาพผิว ทุกสีผิว ด้วยเนื้อสัมผัสที่เหมือนกำมะหยี่โปร่งแสง เวลาทาไปเลยกลืนเข้ากับผิวหน้าเลย
จุดเด่นคือช่วยปรับสภาพผิวก่อนแต่งหน้า ทำให้เครื่องสำอางอยู่ติดทนนาน บอกเลยว่าตัวนี้สาว ๆ หลายคนบอกว่าเป็นไพรเมอร์สำหรับคนหน้ามันโดยแท้ คุมมันได้จึ้งจริงค่ะ ใครที่กำลังมองหาไพรเมอร์ ยี่ห้อไหนดี ลอง Make Up For Ever เลยค่ะรีวิวเยอะจริง
ปริมาณ 30 ml : ราคา 1,400 บาท (ตกml ละ 46.6 บาท)
สูตรไพรเมอร์ | คุมความมัน, ปรับสภาพผิวให้สม่ำเสมอ |
สี | สีขาวขุ่น |
ส่วนผสมบำรุงผิว | ซิลิกา เพื่อควบคุมความมัน |
ผสมกันแดด/ผสมซิลิโคน | ✗,✓ |
8. ไพรเมอร์ ที่ช่วยเรื่องการแก้ไขสีที่ดีที่สุด: Makeup Revolution Colour Correct Primer
ราคา 490 บาท
ข้อดี
+ ใช้แล้วหน้าไม่อุดตัน
+ ผิวเนียนกริบ ผิวผ่องมาก
+ ปรับสีผิวให้สม่ำเสมอ ปกปิดรอยแดงจากสิวได้ดี
ข้อเสีย
– ทาปริมาณทีละน้อย ๆ ค่อย ๆ เติม
– ไม่เหมาะกับคนผิวคล้ำ
ไพรเมอร์สำหรับคนเป็นสิวแบรนด์ เมคอัพ รีโวลูชั่น สูตรสีเขียว เหมาะกับสาว ๆ ที่ต้องการปกปิดรอยแดงที่เกิดจากสิว ปิดรอยเส้นเลือด ให้สีผิวสม่ำเสมอแต่งหน้าได้ง่ายขึ้น ผิวจะดีเนียน มีวิตามิน B3 ที่ช่วยลดเลือนริ้วรอยให้ดูเรียบเนียนมากขึ้น แต่ ๆ สูตรนี้จะเป็นทั้งเมคอัพเบสช่วยปรับสีผิวด้วยค่ะ เหมาะกับผู้ที่ผิวออกขาวอมชมพู ผิวขาว หรือสว่างนะคะ หากใครที่กำลังตัดสินใจเลือกไพรเมอร์ สำหรับคนเป็นสิว ยี่ห้อไหนดี มิสซี่แนะนำสูตรนี้เลย ปกปิดเป๊ะมาก
ปริมาณ 28 ml : ราคา 490 บาท (ตกml ละ 17.5 บาท)
สูตรไพรเมอร์ | สูตรโลชั่นเนื้อสีเขียว ปรับสมดุลสีผิวให้สม่ำเสมอ, ปกปิดรอยแดง |
สี | สีเขียว |
ส่วนผสมบำรุงผิว | วิตามิน B3 |
ผสมกันแดด/ผสมซิลิโคน | ✗,✓ |
9. ไพรเมอร์ ดีที่สุดสำหรับริ้วรอยและร่องลึก: Smashbox Photo Finish Foundation Primer
ราคา 1,350 บาท
ข้อดี
+ ควบคุมความมันได้ดีมาก
+ เบลอรูขุมขนได้เนียนกริบ
+ เนื้อสัมผัสบางเบา
ข้อเสีย
– อาจจะปกปิดความมันไม่ได้ทั้งวัน แต่ยิ่งซับมันผิวยิ่งผ่อง
– จะมีความรู้สึกเหมือนมีอะไรเคลือบผิวอยู่ตลอดเวลา
ไพรเมอร์ที่ดีที่สุดสำหรับการอำพรางริ้วรอยและร่องลึก จุดเด่นของไพรเมอร์หลอดนี้คือเหมาะกับทุกสภาพผิวเลยค่ะ ทั้งผิวแห้ง ผิวมัน ผิวผสม ไหนจะช่วยควบคุมความมัน เนื้อสัมผัสเป็นแบบเนื้อเจลใส แต่พอเกลี่ยปุ๊ปก็กลายเป็นเนื้อแมตต์ แต่ไม่ทำให้ผิวแห้งเลย เลิศใช่ไหมคะ ไพรเมอร์หลอดนี้มีสารสกัดจากวิตามิน A,E ที่ช่วยเพิ่มความชุ่มชื้น และลดเลือนรอยได้ดีเลยค่ะ ใครที่อ่านถึงตรงนี้แล้วกำลังมองหาไพรเมอร์ ยี่ห้อไหนดี บอกเลยแบรนด์นี้ตอบโจทย์ที่สุดแล้วค่าาา
ปริมาณ 30 ml : ราคา 1,350 บาท (ตกml ละ 45 บาท)
สูตรไพรเมอร์ | ควบคุมความมัน, ปกปิดรูขุมขน |
สี | เจลใส |
ส่วนผสมบำรุงผิว | วิตามิน A, E, สารสกัดจากเมล็ดองุ่น และชาเขียว |
ผสมกันแดด/ผสมซิลิโคน | ✗,✓ |
10. ไพรเมอร์ ดีที่สุดสำหรับคนผิวมัน-ผิวผสม: Hourglass Veil Mineral Primer
ราคา 2,300 บาท
ข้อดี
+ ปิดรอยแดง รูขุมขนได้ดี
+ มีกันแดด
+ ไม่มีน้ำหอม
ข้อเสีย
– เป็นเนื้อออกครีม ค่อย ๆ ลง
– รู้สึกว่าไม่ได้คุมมันขนาดนั้น รองพื้นแอบหลุดบ้าง
ไพรเมอร์สูตรแมตต์ยอดนิยมของบล็อกเกอร์บิวตี้ทั่วโลก! จุดเด่นของไพรเมอร์ขวดนี้นอกจากเรื่องปกปิดรูขุมขนได้ดีแล้ว คือมีสารกันแดดใส่เข้ามาด้วย (แต่ก็ยังแนะนำให้ลงครีมกันแดดก่อนอยู่ดีนะคะ) พร้อมกันก็ช่วยอำพรางรอยแดงที่เกิดจากสิวได้ดีเลย แถมเหมาะกับผิวแพ้ง่ายด้วย ไม่มีพาราเบน ไม่มีน้ำหอม ที่สารที่ก่อให้เกิดการแพ้ ฉะนั้นใครกำลังมองหา ไพรเมอร์ สำหรับผิวแพ้ง่าย ยี่ห้อไหนดี บิวตี้บล็อกเกอร์ชื่อดังการันตีให้คุณแล้ว ที่เหลือรีบไปตามได้เลยค่าาา
ปริมาณ 30 ml : ราคา 2,300 บาท (ตกml ละ 76.6 บาท)
สูตรไพรเมอร์ | ปกปิดรอยแดง, ปกปิดรูขุมขุน |
สี | สีขาวขุ่น |
ส่วนผสมบำรุงผิว | ไททาเนียมไดออกไซด์, Zinc Oxide |
ผสมกันแดด/ผสมซิลิโคน | ✓,✗ |
11. ไพรเมอร์ ดีที่สุดสำหรับผิวผสม: KMA Secret Poreless Skin Primer
ราคา 490 บาท
ข้อดี
+ ไม่ทำให้รองพื้นดรอป หน้าไม่หมอง
+ ราคาไม่แพง จับต้องได้
+ ปรับสภาพผิวก่อนแต่งหน้าได้ดี
ข้อเสีย
– ตัวฝาแอบหลุดง่าย
– มีน้ำหอม
ไพรเมอร์ที่ช่างแต่งหน้าส่วนมากแนะนำ ร่ำลือถึงความเนียนเป๊ะ ช่วยให้คอมพลีทลุคมากขึ้น จุดมีสภาพผิวมันเด่นของแบรนด์นี้คือ ความอำพรางรูขุมขนได้มาก แล้วไม่ทำให้รองพื้นดรอป ทำให้เครื่องสำอางติดทนนาน เหมาะกับคนที่มีสภาพผิวมันและผิวผสม คุมความมันได้นานตลอด 8 ชม. ไม่ว่าจะริ้วเล็ก ๆ บนใบหน้าก็ได้ไพรเมอร์ KMA กลบหมด ใครที่กำลังมองหาไพรเมอร์ ยี่ห้อไหนดี ราคาถูกและดี มิสซี่อยากจะถวายตัวแนะนำแบรนด์นี้เลย ดีจริง ไม่จกตาจ้า
ปริมาณ 30 ml : ราคา 490 บาท (ตกml ละ 16.3 บาท)
สูตรไพรเมอร์ | ล็อกเมคอัพติดทนนาน, อำพรางรูขุมขน, ปรับสภาพผิวก่อนแต่งหน้า |
สี | สีเจลใส |
ส่วนผสมบำรุงผิว | ไม่ได้ระบุ |
ผสมกันแดด/ผสมซิลิโคน | ✓,✗ |
12. ไพรเมอร์ ดีที่สุดสำหรับการล็อกเมคอัพติดทน: Maybelline Fit Me Primer Matte+Poreless SPF20
ราคา 249 บาท
ข้อดี
+ คุมมันได้ดีมาก
+ ราคาถูก แถมคุณภาพดี
+ เนื้อเกลี่ยง่าย มีกลิ่นหอมอ่อน ๆ
ข้อเสีย
– เนื้อเกลี่ยยากนิดหน่อย บีบใช้ปริมาณน้อย ๆ
– มีน้ำหอม
ไพรเมอร์รุ่นใหม่ล่าสุดของแบรนด์ดังระดับโลกอย่าง Maybeline สูตรที่ออกมานี้เป็นสูตรสำหรับผิวแห้ง ผิวขาดน้ำโดยเฉพาะเลยค่ะ ปัญหาที่สาวผิวแห้งเจอส่วนใหญ่จะเป็นผิวแห้ง ลอกขุย แต่ปัญหานี้จะหมดไปถ้าคุณได้ลองไพรเมอร์ฟิตมีรุ่นนี้ค่ะ ตัวเนื้อสัมผัสก็จะเป็นเนื้อเจล มีความบางเบา และควบคุมความมัน แถมปกปิดรูขุมขนได้ค่อนข้างดีเลยล่ะค่ะ และยังช่วยปกป้องผิวจากแสงแดดด้วย SPF20 เลยค่ะ ใครที่กำลังมองหาไพรเมอร์ ยี่ห้อไหนที่ถูกและดี อย่าลืมลอง Maybeline นะคะ ราคาน่ารักมาก
ปริมาณ 30 ml : ราคา 249 บาท (ตกml ละ 8.3 บาท)
สูตรไพรเมอร์ | คุมความมัน, ล็อกเมคอัพให้ติดทนนาน |
สี | สีขาว |
ส่วนผสมบำรุงผิว | เกาลิน, กลีเซอรีน |
ผสมกันแดด/ผสมซิลิโคน | ✓,✗ |
ประโยชน์ของไพรเมอร์ แล้วไพรเมอร์ ดียังไง?
ประโยชน์ของไพรเมอร์หลัก ๆ แล้วคือช่วยให้ผิวดูโกลว์ ผิวสุขภาพดี ช่วยปกปิดปัญหาผิวบางอย่างให้ดูฟินิชลุคยิ่งขึ้น แต่ ๆ การใช้ไพรเมอร์ก่อนแต่งหน้าไม่ได้มีประโยชน์เท่านี้นะคะ ใครที่แต่งหน้าทุกวัน มิสซี่บอกเลยว่าจำเป็นต้องมี!! ว่าแต่ประโยชน์ของไพรเมอร์มีอะไรบ้าง ไปดูกัน
1. ไพรเมอร์ช่วยปกปิดรูขุมขน เบลอผิว ประโยชน์ยอดฮิตของคนที่ก้าวเข้าวงการไพรเมอร์ก็คือการปกปิดปัญหาผิว แต่มิสซี่ขอบอกก่อนเลยว่าไพรเมอร์ชนิดนี้มีคุณสมบัติช่วยปกปิดจะมีส่วนผสมของซิลิโคนที่ช่วยพรางรูขุมขนได้ เหมาะกับคนที่มีสภาพผิวไม่มันมาก และรูขุมขนไม่กว้างมาก จะช่วยทำงานร่วมกับรองพื้น ปกปิดรอยร่องต่าง ๆ ให้สวยสับเลยค่ะ |
2. ไพรเมอร์ช่วยควบคุมความมัน ลองสังเกตก็ได้ค่ะ สำหรับใครที่ไม่เคยใช้ไพรเมอร์เลย ใช้เพียงการลงรองพื้น และแต่งหน้าตามปกติ แล้วเครื่องสำอางที่เราจัดเต็มไปอยู่ได้ไม่ถึงครึ่งวันบ้างคะ เพราะรองพื้นเจอกับสภาพอากาศและความมันของผิวหน้า รองพื้นก็จะเริ่มหลุดค่ะ ผิวจะเริ่มมันเงา และตกร่อง หากไม่ต้องการเกิดปัญหาแบบนี้ แนะนำลงไพรเมอร์ก่อน แล้วทุกอย่างจะถูกล็อกเอาไว้ ช่วยลดปัญหาระหว่างวันได้ดีเลยค่ะ |
3. ไพรเมอร์ช่วยลดรอยดำ รอยสิว อันนี้คงเป็นสิ่งที่ใครหลายคนสงสัย เป็นสิวล่ะใช้ไพรเมอร์ได้มั้ย ปกปิดหรือเปล่า? การใช้ไพรเมอร์ก่อนแต่งหน้าจะช่วยลดรอยแดง หรือเบลอรอยต่าง ๆ ทำให้ผิวดูสม่ำเสมอดีเลยค่ะ ทั้งปกปิด เครื่องสำอางไม่หลุด ผิวเนียนเป๊ะเลย |
4. ไพรเมอร์ช่วยรองพื้นและเมคอัพติดทน จุดเด่นหลัก ๆ ของไพรเมอร์คือช่วยล็อกเมคอัพไว้บนหน้าให้นานที่สุด โดยที่รองพื้นไม่ตกร่อง ผิวไม่มันเยิ้มแม้ว่าสภาพอากาศไม่ค่อยเป็นใจก็ตาม ไพรเมอร์จึงเหมาะกับใครก็ตามที่ชอบแต่งหน้า ต้องการโชว์งานผิว เรียกว่าพลาดไม่ได้เลยค่ะ |
5. ไพรเมอร์ช่วยเพิ่มความชุ่มชื้นให้ผิว แก้ปัญหาผิวแห้ง สาวผิวแห้งต้องเจอปัญหาแก้ไม่ตกบ่อย ๆ เช่นการแต่งหน้าไม่ติด ผิวแห้งลอกขุย แต่งหน้าไปก็ทำให้เกิดความไม่มั่นใจได้ ดังนั้นมิสซี่ขอแนะนำ เลือกไพรเมอร์ที่มีส่วนผสมของไฮยาลูรอนิกหรือสารให้ความชุ่มชื้นอย่างอื่น เพื่อช่วยกักเก็บความชุ่มชื้นไว้ในผิว ทำให้ผิวดูอิ่มน้ำ การแต่งหน้าก็จะง่ายขึ้น แต่ถ้าให้ผิวชุ่มชื้นอย่างยั่งยืน จะต้องใช้มอยเจอร์ไรเซอร์เป็นประจำด้วยนะคะ |
6. ไพรเมอร์ใช้ได้ทุกสภาพผิว แม้เป็นสิวก็ใช้ได้ ปกติแล้วเราจะทำการลงไพรเมอร์เป็น Base เสมออยู่แล้วในขั้นตอนแต่งหน้า ดังนั้น ไพรเมอร์จึงสามารถใช้ได้กับทุกสภาพผิว แต่ถ้าผู้ที่มีปัญหาผิวเยอะ ๆ (มีสิวมากกว่า 10 จุดขึ้นไป) อาจจะแนะนำให้เลือกไพรเมอร์ คู่กับรองพื้นสำหรับคนเป็นสิว เช่นไม่มีส่วนผสมของซิลิโคน ช่วยลดการอุดตันได้ นอกจากนี้ก็ต้องทำความสะอาดผิวให้ด้วยค่ะ |
วิธีเลือกไพรเมอร์ที่ดีที่สุด
ไพรเมอร์มีขายมานานมากแล้ว แล้วมีหลายยี่ห้อมาก ๆ ค่ะทุกคน แต่ ๆ ใช่ว่าเราจะใช้ไพรเมอร์ยี่ห้อไหน สูตรไหนก็ได้นะคะ ไพรเมอร์ก็เหมือนผลิตภัณฑ์อื่น ๆ หากอยากให้ผิวคอมพลีทลุคจะต้องเลือกไพรเมอร์ให้เหมาะสมกับสภาพผิวของตัวเราเองด้วย แล้วต้องเลือกแบบไหนบ้าง ไปดูกัน
1. สภาพผิวมัน หากคุณเป็นคนที่มีผิวมันมาก ให้เลือกไพรเมอร์ที่มีส่วนผสมของ Oil-Free, Mattifying Primer ส่วนผสมเหล่านี้จะมีส่วนช่วยควบคุมความมันระหว่างวัน หากมีรูขุมขนกว้างร่วมด้วย เพียงเน้นลงไพรเมอร์ส่วนที่เห็นรูขุมขนชัด ๆ จะดีมาก
2. สภาพผิวแห้ง คนที่มีสภาพผิวแห้ง หรือเจอปัญหาแต่งหน้าไม่ติด แนะนำให้เลือกไพรเมอร์ที่มีส่วนผสมของกรดไฮยาลูรอนิก หรือส่วนผสมอื่น ๆ ที่ช่วยเรื่องกักเก็บความชุ่มชื้นให้ผิว จะยิ่งทำให้ได้ฟินิชลุคที่ดียิ่งขึ้น
3. สภาพผิวหมองคล้ำ จะต้องเพิ่มความสว่างให้กับใบหน้าด้วยชิมเมอร์ หรือผงมุกเป็นส่วนผสม ซึ่งทั้งคู่นี้จะมีคุณสมบัติช่วยกระจายแสงให้ผิวหน้าดูกระจ่างใส และโกลว์มีมิติมากเลยค่ะ แนะนำว่าให้เลือกที่มีส่วนผสมอย่าง Light Diffusing, Radiant หรือ Light-Reflecting
4. สภาพผิวแพ้ง่าย/เป็นสิว ต้องเลือกสูตรที่อ่อนโยนต่อผิว และไม่ก่อให้เกิดการอุดตันได้ง่าย แนะนำให้เลือกแบบเนื้อสัมผัสเป็นน้ำ และไม่มีซิลิโคน จะให้สัมผัสที่เนื้อบางเบา และลดปัญหาผิวได้ด้วยค่ะ
5. สภาพผิวผสม จะมีปัญหาผิวตรงที่ระหว่างวันผิวจะเริ่มมันช่วงทีโซนทั้ง หน้าผาก จมูก และคาง แนะนำว่าให้เลือกไพรเมอร์เนื้อซิลิโคน อาจจะไม่ต้องทาทั้งหน้า เน้นทาเฉพาะส่วนทีโซน เพื่อช่วยคุมความมัน และลงรองพื้น เท่านี้ก็ได้ผลปังทั้งวันเลยค่ะ
วิธีเลือกสีไพรเมอร์เพื่อช่วยปรับสภาพสีผิวให้เหมาะสมที่สุด
1. ไพรเมอร์สีเขียว ช่วยปกปิดรอยแดง รอยต่าง ๆ จากสิว ช่วยทำให้ดูจางลงได้ และปรับผิวให้ดูสว่างได้ แต่ไม่เหมาะกับคนที่มีเฉดผิวเข้ม ที่ผิวน้ำผึ้ง การใช้สีเขียวอาจจะทำให้ใบหน้าดูลอยได้
2. ไพรเมอร์สีใส, ขาวขุ่น จะเหมาะกับทุกสภาพผิว และทุกสีผิวเลยค่ะ ด้วยความเป็นสีใสจึงกลืนเข้ากับทุกสีผิว ปกปิดเรียบเนียน แต่ไม่เหมาะกับคนที่มีปัญหารอยดำรอยแดง
3. ไพรเมอร์สีชมพู เหมาะกับผู้ที่มีผิวขาว หรือค่อนข้างขาวและมีเส้นเลือดบนผิวหน้าค่อนข้างชัด การใช้ไพรเมอร์สีชมพูจะช่วยให้ปรับโทนผิวให้ดูมีเลือดฝาด ปกปิดรอยเส้นเลือดที่ชัดให้จางลงได้
4. ไพรเมอร์สีม่วง เหมาะกับคนที่มีผิวขาว หรือผิวที่ดูซีด หรือดูไม่ค่อยสดใส การใช้ไพรเมอร์สีม่วงจะช่วยปรับโทนลุคให้ดูสดใสมากขึ้น แต่ไม่เหมาะกับผู้ที่ผิวไปโทนเข้ม เพราะอาจจะทำให้ผิวดูลอยได้
5. ไพรเมอร์สีส้ม หรือสีเนื้อ เหมาะกับคนที่มีเฉดผิวน้ำผึ้ง หรือผิวสองสีค่ะ ไพรเมอร์สีนี้จะช่วยกระจายแสง ทำให้ผิวของคุณสว่าง และกระจ่างใสขึ้นได้
ไพรเมอร์ ใช้ยังไง
มิสซี่มีเคล็ดลับมาฝากสาว ๆ ทุกคนค่ะ ใช้ไพรเมอร์ยังไงให้เป๊ะปัง ใครที่เพิ่งเข้ามาวงการแต่งหน้าจะได้รู้ไปพร้อมกัน วิธีใช้แบบไหน ลงขั้นตอนไหน ใช้คู่กับรองพื้นยังไงให้เป๊ะปังมาดูกันจ้า
1. ใช้สกินแคร์บำรุงผิวตามสเต็ปรูทีน จากนั้นตามด้วยครีมกันแดดที่ห้ามขาดเด็ดขาด!!
2. ในกรณีที่ต้องการลงเมคอัพเบสก่อน ก็สามารถใช้เพื่อปรับโทนสีผิวก่อนได้ แต่ถ้าไม่มีก็ไม่จำเป็นค่ะ
3. ลงไพรเมอร์ปริมาณเท่าเม็ดถั่วเขียวพอ ขั้นตอนการลงไพรเมอร์จะต้องค่อย ๆ เกลี่ยไพรเมอร์ลงไปที่ผิว ใช้นิ้ววนเป็นวงกลมไปเรื่อย ๆ ให้ไพรเมอร์กระจายไปทั่วหน้า เคล็ดลับคือไม่ควรถูหรือนวดนานเกินไป จะทำให้ไพรเมอร์เรียบเนียนไปกับผิว ทำแบบนี้ไปทั่วหน้าได้เลยค่ะ จากนี้รอให้ไพรเมอร์เซตตัวกับผิวประมาณ 3-5 นาที ก่อนแล้วจึงแต่งหน้าตามลำดับต่อไป
4. ไม่อยากอุดตัน ไม่อยากเป็นสิวต้องล้างหน้าให้ดี ข้อนี้ใช้ได้กับทุก ๆ วันแม้คุณทาแค่ครีมกันแดด ไม่ต่างกันค่ะ หากคุณใช้ไพรเมอร์เพื่อให้ผิวเรียนเนียน เท่ากับว่าไพรเมอร์นั้น ๆ เกาะที่ผิวคุณได้อย่างดี ถ้าล้างหน้าไม่ดีก็จะเกิดการอุดตันกลายเป็นสิวอักเสบได้ เคล็ดลับคือเลือกใช้ผลิตภัณฑ์คลีนผิวที่เหมาะกับล้างเครื่องสำอางเป็นพิเศษ เช่นคลีนซิ่งออย คลีนซิ่งบาล์ม เสร็จแล้วต่อด้วยการล้างหน้าอีกครั้ง เท่านี้ก็ช่วยลดการอุดตันได้ระดับหนึ่งเลยค่ะ ไม่อยากอุดตันลองใช้วิธีนี้ดูนะคะสาว ๆ
เป็นอย่างไรกันบ้างคะ หวังว่าบทความ ไพรเมอร์ ยี่ห้อไหนดี จะทำให้ทุกคนได้รู้จักกับไพรเมอร์ได้มากขึ้น รวมไปถึงวิธีการเลือกไพรเมอร์ให้เหมาะกับสภาพผิว วิธีใช้ต่าง ๆ กันไปแล้ว เพียงเท่านี้ใครที่อยากได้ฟีลลิ่งคอมพลีทลุคมากขึ้น ลองใช้ไพรเมอร์เลยค่ะ จะทำให้การแต่งหน้าของคุณในทุกวันสดใสมากขึ้น สวยขึ้นด้วย แต่อย่างที่มิสซี่บอกห้ามลืมการทำความสะอาดผิวให้ครบขั้นตอนเด็ดขาด! ไม่งั้นผิวที่สวดจากการแต่งหน้า แต่ต้องมารักษาสิวอุดตันในอนาคตอีกเป็นแน่ ลองทำตามนี้นะคะ ผิวดีแน่นอน
อ้างอิง
1. How to Choose Makeup Primer: https://www.wikihow.com/Choose-Makeup-Primer
2. The best primers for oily skin: https://www.harpersbazaar.com/uk/beauty/make-up-nails/g30992864/best-primer-oily-skin/
3. Top 15 Best Primers For Oily Skin in India | Updated 2022: https://beautybest.in/best-primers-for-oily-skin-in-india/
4. These 15 Primers Quench Dry Skin for Smooth Makeup Application: https://www.byrdie.com/best-primers-for-dry-skin-4587043