มอยเจอร์ไรเซอร์ เป็นสิ่งที่หลายคนอาจจะมองข้ามไป เพราะคิดว่าไม่ได้จำเป็นขนาดนั้น แต่มอยเจอร์ไรเซอร์ เป็นอีกหนึ่งไอเทมสำคัญสำหรับผิวหน้าไม่แพ้สกินแคร์ตัวอื่น ๆ เลยค่ะ เพราะเป็นครีมบำรุงช่วยคงความชุ่มชื้น บำรุงผิว และเปรียบเสมือนเกราะปราการ ปกป้องให้ผิวมีความแข็งแรง
โดยมอยเจอร์ไรเซอร์ จะมีลักษณะและส่วนผสมที่ต่างกัน เพื่อตอบโจทย์สภาพผิว และการบำรุงผิว เติมความชุ่มชื้นที่แตกต่างกัน ทั้งมอยเจอร์ไรเซอร์ ผิวมัน, มอยเจอร์ไรเซอร์ ผิวแห้ง และมอยเจอร์ไรเซอร์ ผิวแพ้ง่าย หรือเป็นสิวง่าย ซึ่งมอยเจอร์ไรเซอร์ก็มีหลากหลายแบบให้เลือกสรร เพราะฉะนั้น ในบทความนี้มิสซี่ได้รวบรวมมาแนะนำ 10 มอยเจอร์ไรเซอร์ ยี่ห้อไหนดี ในปี 2022 เพื่อให้เพื่อน ๆ สามารถเลือกมอยเจอร์ไรเซอร์ให้ตอบโจทย์ผิวเราที่สุดกันค่าาา
TOP 3 มอยเจอร์ไรเซอร์ที่ดีที่สุด
#1 CeraVe PM Facial Moisturizing Lotion
ราคา 550 บาท
#2 Physiogel Daily Moisture Therapy Cream
ราคา 720 บาท
#3 Hada Labo Super Hyaluronic Acid Moisturizing Lotion
ราคา 520 บาท
มอยเจอร์ไรเซอร์ คือ
มอยเจอร์ไรเซอร์ คือ สารที่ช่วยเติมน้ำให้กับผิว เพื่อรักษาความชุ่มชื้นให้แก่ผิว หลายคนอาจคิดว่า มอยเจอร์ไรเซอร์เหมาะกับคนที่มีผิวแห้งเท่านั้น แต่ความจริงแล้วสามารถใช้ได้ทุกสภาพผิว ทั้งผิวธรรมดา ผิวผสม ผิวบอบบางแพ้ง่าย แม้แต่คนที่มีผิวมันก็สามารถใช้ได้ค่ะ เพียงแต่ต้องเลือกให้เหมาะกับสภาพผิวของตัวเอง โดยมอยเจอร์ไรเซอร์จะมีเนื้อสัมผัสที่แตกต่างกัน แบ่งได้คือ
- เนื้อเจล มีน้ำเป็นส่วนประกอบหลัก ทำให้มีความบางเบากว่าแบบอื่น เย็นสบายผิว ซึมลงผิวได้ง่าย และรวดเร็ว
- เนื้อโลชั่น เข้มข้นกว่าเนื้อเจล แต่บางเบากว่าเนื้อครีม เหมาะกับผิวธรรมดา ไปจนถึงผิวมัน
- เนื้อครีม จะมีความเข้มข้น และหนักมากกว่าประเภทอื่น ให้ความชุ่มชื้นสูง เหมาะกับผิวที่แห้ง หรือผิวลอกเป็นขุย ที่ต้องการบำรุงให้ชุ่มชื้นเป็นพิเศษ
มอยเจอร์ไรเซอร์ ช่วยอะไร
มอยเจอร์ไรเซอร์ ช่วยบำรุงผิวให้มีความชุ่มชื้น โดยจะช่วยปรับสภาพผิวให้อิ่มน้ำมากขึ้น ฟื้นฟูผิวที่แห้งกร้านให้กลับมาชุ่มชื้น เนียนนุ่ม เสริมปราการผิวให้แข็งแรง กระชับ และเมื่อใช้เป็นประจำในระยะยาว จะช่วยลดเลือนริ้วรอยเหี่ยวย่นบนใบหน้าได้ค่ะ ซึ่งการเลือกมอยเจอร์ไรเซอร์ ยี่ห้อไหนดี ต้องดูด้วยว่าเป็นมอยเจอร์ไรเซอร์ที่ดีหรือไม่ โดยดูได้จากความสามารถลดการสูญเสียน้ำให้กับผิวได้อย่างมีประสิทธิภาพ และมีการดูดซึมเข้าผิวได้อย่างรวดเร็ว เห็นผลได้ทันที
วิธีการเลือกมอยเจอร์ไรเซอร์ที่ดีให้เหมาะกับผิว
- ผิวธรรมดา สามารถใช้มอยเจอร์ไรเซอร์ได้ทุกแบบ โดยสามารถปรับใช้ตามสภาพอากาศ ถ้าเน้นความเบา สบายผิว อาจจะเลือกเป็นเนื้อโลชั่น หรือหากต้องการความชุ่มชื้นมากกว่าปกติ ก็เลือกแบบที่มีน้ำมันก็ได้
- ผิวแห้ง ควรเลือกมอยซ์เจอร์ไรเซอร์ที่มีความเข้มข้น ล็อกความชุ่มชื้นได้นาน ซึ่งแบบครีม จะตอบโจทย์มากที่สุด
- ผิวมัน ควรเลือกมอยซ์เจอร์ไรเซอร์ที่ไม่มีน้ำมัน บางเบา และซึมง่าย
- ผิวผสม เลือกที่มีอัตราส่วนของน้ำ และน้ำมันเท่า ๆ กัน เพื่อช่วยปรับสมดุลผิว
- ผิวบอบบางแพ้ง่าย หรือ เป็นสิวง่าย ควรเน้นมอยซ์เจอร์ไรเซอร์ สกินแคร์ผิวแพ้ง่าย ที่ปราศจากสารที่ก่อการระคายเคือง สามารถปลอบประโลมผิว และมอบความชุ่มชื้นให้ผิวได้
ตารางเปรียบเทียบ “มอยเจอร์ไรเซอร์ ยี่ห้อไหนดี”
ชื่อสินค้า | CeraVe PM Facial Moisturizing Lotion | Physiogel Daily Moisture Therapy Cream | Hada Labo Super Hyaluronic Acid Moisturizing Lotion | Vichy Normaderm Phytosolution Daily Care | MizuMi Cica Soothing Moisture Gel | La Roche-Posay Effaclar Duo (+) | Kiehl’s Ultra Facial Oil Free Gel Cream | La Roche-Posay Effaclar Mat | Cetaphil Moisturizing Cream | Neutrogena Hydro Boost Water Gel |
รูปสินค้า | ||||||||||
คุณสมบัติ |
|
|
|
|
|
|
|
|
|
|
ราคาเต็ม | 550 บาท | 720 บาท | 520 บาท | 1,150 บาท | 690 บาท | 999 บาท | 1,450 บาท | 990 บาท | 980 บาท | 499 บาท |
ปริมาณ | 52 ml | 75 ml | 170 ml | 50 ml | 45 ml | 40 ml | 50 ml | 40 ml | 453 g | 50 g |
ตก ml / g ละ | 10.5 บาท | 9.6 บาท | 3 บาท | 23 บาท | 15.3 บาท | 25 บาท | 29 บาท | 24.7 บาท | 2.1 บาท | 9.9 บาท |
ความคุ้มค่า | ||||||||||
เช็คส่วนลดที่ |
เลือก มอยเจอร์ไรเซอร์ ยี่ห้อไหนดี
1. มอยเจอร์ไรเซอร์ โดยรวมดีที่สุด : CeraVe PM Facial Moisturizing Lotion
ราคา 550 บาท
ข้อดี
+ ปราศจากน้ำหอม พาราเบน
+ ไม่อุดตันผิว
ข้อเสีย
– ถ้าผิวมันมากไม่เหมาะที่จะใช้ก่อนแต่งหน้า
มอยเจอร์ไรเซอร์อันดับ 1 มิสซี่มอบมงให้ Cerave ตัวนี้เลย เพราะน้องเค้าสามารถกู้ผิวแห้งขาดน้ำที่ลอกเป็นขุยได้ดีสุด ๆ เรียกได้ว่าเป็นครีมสามัญประจำบ้านเลยค่ะ เนื้อสัมผัสจะเป็นเนื้อโลชั่น เกลี่ยง่าย ซึมไว ประกอบด้วยเซราไมด์ 3 ชนิด ช่วยฟิ้นฟูและเสริมปราการผิวให้แข็งแรง
มีส่วนผสมของ Niacinamide ช่วยลดเลือนรอยดำ รอยแดงจากสิว และ Hyaluronic Acid ที่จะช่วยเติมเติมความชุ่มชื้นให้ผิวยาวนานตลอดวัน เหมาะมากกับคนผิวแห้ง ผิวบอบบางแพ้ง่าย ซึ่งใครที่ได้ใช้ต่างบอกเป็นเสียงเดียวกันเลยว่าปังจริง สาว ๆ ที่กำลังมองหา มอยเจอร์ไรเซอร์ ยี่ห้อไหนดี แนะนำตัวนี้เลยค่ะ รับรองว่าปัง! สมคำร่ำลือแน่นอน
ปริมาณ 52 ml : ราคา 550 บาท (ตก ml ละ 10.5 บาท)
ส่วนประกอบสำคัญ | เซราไมด์ 3 ชนิด, Niacinamide, Hyaluronic Acid |
เนื้อสัมผัส | เนื้อโลชั่น |
เหมาะกับ | ทุกสภาพผิว โดยเฉพาะผิวแห้ง |
2. มอยเจอร์ไรเซอร์ เหมาะกับผิวบอบบางแพ้ง่ายที่สุด : Physiogel Daily Moisture Therapy Cream
ราคา 720 บาท
ข้อดี
+ อ่อนโยนมาก ปราศจากน้ำหอม แอลกอฮอล์ และพาราเบน
+ ใช้ได้ทั้งผิวหน้า และผิวกาย
ข้อเสีย
– ถ้าใช้ตอนกลางวันอาจจะหนักหน้าไป
เป็นมอยเจอร์ไรเซอร์สำหรับผิวบอบบาง แพ้ง่าย เพราะเป็นมอยเจอร์ไรเซอร์จากธรรมชาติอย่างน้ำมันมะพร้าว และเชียบัตเตอร์ มีส่วนผสมจากเซราไมด์ 3 ชนิด เป็นปราการชั้นผิว ที่จะช่วยปกป้องผิวจากปัจจัยภายนอก ทั้งฝุ่น มลภาวะต่าง ๆ ไม่ให้เข้าไปทำร้ายผิว
อีกทั้ง มีสารสกัดจากมะกอกช่วยให้ผิวเนียนนุ่ม ชุ่มชื้นยาวนาน ลดการกลับมาแห้งซ้ำ ซึ่งตัวนี้ผ่านการทดสอบโดยผู้เชี่ยวชาญด้านผิวหนังแล้วว่า มีความอ่อนโยน ไม่ระคายเคืองผิว เด็กก็สามารถใช้ได้ และไม่อุดตันรูขุมขน สาว ๆ ที่มองหา มอยเจอร์ไรเซอร์ ยี่ห้อไหนดี ที่อ่อนโยนขั้นสุด ห้ามพลาดตัวนี้เด็ดขาดค่ะ!
ปริมาณ 75 ml : ราคา 720 บาท (ตก ml ละ 9.6 บาท)
ส่วนประกอบสำคัญ | เซราไมด์ 3 ชนิด, สารสกัดจากน้ำมันมะกอก |
เนื้อสัมผัส | เนื้อครีม |
เหมาะกับ | ผิวแห้ง, ผิวบอบบางแพ้ง่าย |
3. มอยเจอร์ไรเซอร์ ถูกและดีที่สุด : Hada Labo Super Hyaluronic Acid Moisturizing Lotion
ราคา 520 บาท
ข้อดี
+ ราคาถูก หาซื้อง่าย
+ เนื้อบางเบา ซึมไว
+ ไม่มีแอลกอฮอล์ และน้ำหอม
ข้อเสีย
– ไม่ค่อยช่วยในผิวที่แห้งมากจนเป็นขุย
ฮาดะ ลาโบะ ขวดสีขาวตัวดังจากประเทศญี่ปุ่น เป็นเนื้อโลชั่นใส มีความเหลว ซึมง่ายมากก ผสานกรดไฮยาลูรอนิกมากถึง 4 ชนิด ที่มีขนาดโมเลกุลต่างกัน ทั้ง Large-size Hyaluronic Acid, Medium-size Hyaluronic Acid, Super Hyaluronic Acid และ Nano Hyaluronic Acid ให้เข้าไปเติมเต็มความชุ่มชื้นได้ลึกทุกชั้นผิว
โดยมาพร้อมเทคโนโลยี HPP&M ที่ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการทำงานของไฮยาลูรอน ให้ผิวมีความอิ่มน้ำขั้นสุด สามารถปรับสภาพผิวแห้งกร้านให้กลับมาชุ่มชื้น ช่วยให้ผิวหน้าเนียนละเอียด ใครที่มีผิวแห้งขาดน้ำ จะเลือกใช้ มอยเจอร์ไรเซอร์ ยี่ห้อไหนดี แนะนำให้ไปสอยตัวนี้มาติดบ้านไว้ได้เลยย
ปริมาณ 170 ml : ราคา 520 บาท (ตก ml ละ 3 บาท)
ส่วนประกอบสำคัญ | Hyaluronic Acid |
เนื้อสัมผัส | เนื้อโลชั่น |
เหมาะกับ | ผิวธรรมดา, ผิวแห้ง, ผิวผสม |
4. มอยเจอร์ไรเซอร์ สิว ที่เหมาะกับคนเป็นสิวที่สุด : Vichy Normaderm Phytosolution Daily Care
ราคา 1,150 บาท
ข้อดี
+ มีกลิ่นหอมธรรมชาติ
+ เนื้อบางเบา ซึมง่าย
ข้อเสีย
– ไม่เหมาะกับผิวที่แห้งมาก ๆ
ใครมีปัญหาสิว มิสซี่แนะนำตัวนี้เลยค่ะ เพราะเป็นเวชสำอางที่ช่วยเสริมปราการผิวให้มีความแข็งแรง มีส่วนผสมจากซาลิไซลิก แอซิด ที่ช่วยลดการอักเสบ จัดการปัญหาสิวได้อย่างอ่อนโยน ช่วยขจัดสิวอุดตัน หมดปัญหาสิวซ้ำซาก และมีไฮยาลูรอนจากธรรมชาติ ที่จะมอบความชุ่มชื้นให้ผิวได้ยาวนาน ผิวดูอิ่มน้ำ
นอกจากนี้ ยังประกอบไปด้วยจากน้ำแร่ภูเขาไฟวิซี่ มากถึง 60% ทำให้มีความบางเบา ช่วยปรับสมดุล pH ให้กับผิว ซึ่งน้ำแร่นี้เป็นสารสกัดที่มีต้นกำเนิดมาจากธรรมชาติที่ใช้ในวงการแพทย์นั่นเอง สาว ๆ ที่อยากกำจัดปัญหาสิวกวนใจ จะใช้ มอยเจอร์ไรเซอร์ ยี่ห้อไหนดี มิสซี่รับรองว่า Vichy ตัวนี้ช่วยจบเรื่องสิว ๆ แน่นอน
ปริมาณ 50 ml : ราคา 1,150 บาท (ตก ml ละ 23 บาท)
ส่วนประกอบสำคัญ | salicylic acid, ไฮยาลูรอน, น้ำแร่ภูเขาไฟวิซี่ |
เนื้อสัมผัส | เนื้อครีม |
เหมาะกับ | ผิวที่มีปัญหาสิว, ผิวผสม, ผิวมัน |
5. มอยเจอร์ไรเซอร์ ที่เหมาะกับผิวมันขาดน้ำ เป็นสิวง่ายมากที่สุด : MizuMi Cica Soothing Moisture Gel
ราคา 690 บาท
ข้อดี
+ อ่อนโยนต่อผิวมาก
+ ไม่อุดตัน
ข้อเสีย
– ถ้าเป็นช่วงที่ผิวแห้งขาดน้ำมาก ๆ อาจจะเอาไม่อยู่
มอยเจอร์ไรเซอร์ สำหรับสาวผิวมันขาดน้ำ ตัวนี้มีส่วนผสมของว่านหางจระเข้ และสารสกัดจากใบบัวบก ที่จะช่วยปลอบประโลมผิว ลดการระคายเคือง พร้อมฟื้นฟูให้กลับมาแข็งแรง ชุ่มชื้น นอกจากนี้ ยังมีสารสกัดจากจุลินทรีย์ที่จะช่วยป้องกันผิวจาก PM 2.5 ได้อีกด้วย ปังสุด! ในส่วนของเนื้อสัมผัส จะเป็นเนื้อเจลบางเบา ทาแล้วซึมซาบเข้าสู่ผิวได้รวดเร็วมากกก
หลังทาแล้วผิวหน้าชุ่มชื้น ดูฉ่ำ ๆ ซึ่งน้องเค้าอ่อนโยนมากค่ะ เพราะปราศจากสารที่ก่อให้เกิดการระคายเคือง 5 ชนิด ทั้งน้ำหอม แอลกอฮอล์ พาราเบน สี และซิลิโคน คนที่มีผิวบอบบางแพ้ง่ายก็ใช้ได้สบาย ๆ เลย ใครผิวมัน เป็นสิวง่าย จะเลือกซื้อ มอยเจอร์ไรเซอร์ ยี่ห้อไหนดี มิสซี่เชียร์ตัวนี้สุดใจค่ะ!
ปริมาณ 45 ml : ราคา 690 บาท (ตก ml ละ 15.3 บาท)
ส่วนประกอบสำคัญ | ว่านหางจระเข้, สารสะกัดจากใบบัวบก, สารสกัดจากจุลินทรีย์ |
เนื้อสัมผัส | เนื้อเจล |
เหมาะกับ | ผิวมัน มีแนวโน้มเป็นสิวง่าย, ผิวผสม |
6. มอยเจอร์ไรเซอร์ รักษาสิวอุดตันได้ดีที่สุด : La Roche-Posay Effaclar Duo (+)
ราคา 999 บาท
ข้อดี
+ ลดปัญหาสิวเกิดซ้ำ ลดสิวอุดตัน
+ อ่อนโยนต่อผิว
ข้อเสีย
– ราคาค่อนข้างสูง
สาว ๆ ที่มีสิวอุดตันรำคาญใจ มิสซี่ว่าลาโรชสูตรนี้เหมาะมากกก เพราะเป็นสูตรสำหรับคนที่มีปัญหาสิวโดยเฉพาะเลย โดยจะมีส่วนผสมที่ลาโลชคิดค้นขึ้นมาโดยเฉพาะอย่าง AQUA POSAE FILIFORMIS (APF) ที่จะช่วยปรับสมดุลของแบคทีเรียบนผิว ลดแบคทีเรียร้าย เพิ่มแบคทีเรียดี จึงช่วยลดการเกิดสิวเกิดซ้ำ โดยผสานกับโปรซีหลาด (Procerad) เพื่อลดรอยดำ รอยแดงที่เกิดจากสิว เพื่อน ๆ ที่อยากใช้ มอยเจอร์ไรเซอร์ ยี่ห้อไหนดี ที่จะกำจัดสิวอุดตัน ตัวนี้ไม่ทำให้ผิดหวังแน่นอนค่าา
ปริมาณ 40 ml : ราคา 999 บาท (ตก ml ละ 25 บาท)
ส่วนประกอบสำคัญ | APF, Niacinamide, Procerad |
เนื้อสัมผัส | เนื้อครีม |
เหมาะกับ | ผิวบอบบางแพ้ง่าย |
7. มอยเจอร์ไรเซอร์ สำหรับผิวมันที่ดีที่สุด : Kiehl’s Ultra Facial Oil Free Gel Cream
ราคา 1,450 บาท
ข้อดี
+ เนื้อเจลมีความเย็นสดชื่น
+ ปราศจากน้ำหอม พาราเบน
ข้อเสีย
– ราคาแพง
ใครผิวมันต้องชอบตัวนี้แน่นอน เพราะน้องเค้ามีความเบาบาง สบายผิวมากกก เป็นมอยเจอร์ไรเซอร์เนื้อเจล ซึมเร็ว หายไปกับผิวเหมือนไม่ได้ทา แต่ยังให้ความชุ่มชื้นดีมาก มีส่วนผสมจากสารสกัดจากรากหญ้าคา (Imperata Cylindrica Root Extract) และแอนตาร์กติซีน (Antarcticine) เพื่อช่วยให้ผิวกักเก็บความชุ่มชื้นได้ดียิ่งขึ้น
อีกทั้งยังปรับสมดุลผิว ควบคุมความมันบนใบหน้า ซึ่งตัวนี้เป็นสูตรออยล์ฟรี เหมาะมากกับผิวมันที่ขาดน้ำ นอกจากนี้ ยังมีอะมิโนแอซิดขนาดเล็ก ที่จะให้ความเย็นสดชื่นหลังทาลงบนผิวอีกด้วยค่ะ ใครเป็นสาวผิวมันที่กำลังมองหา มอยเจอร์ไรเซอร์ ยี่ห้อไหนดี ตัวนี้มิสซี่ว่าปังมาก!
ปริมาณ 50 ml : ราคา 1,450 บาท (ตก ml ละ 29 บาท)
ส่วนประกอบสำคัญ | สารสกัดจากรากหญ้าคา, Antarcticine, Amino acids |
เนื้อสัมผัส | เนื้อเจล |
เหมาะกับ | ผิวมัน, ผิวธรรมดา |
8. มอยเจอร์ไรเซอร์ ช่วยกระชับรูขุมขนได้ดีที่สุด : La Roche-Posay Effaclar Mat
ราคา 990 บาท
ข้อดี
+ ไม่อุดตันผิว
+ เนื้อแมตต์ ช่วยเบลอรูขุมขน
ข้อเสีย
– ราคาสูง
มอยเจอร์ไรเซอร์ของลาโรชตัวนี้ตอบโจทย์สำหรับคนที่มีรูขุมขนกว้างค่ะ เนื่องจากผสานพลังจาก Sebulyse ที่แพทย์ทดสอบแล้วว่ามีคุณสมบัติช่วยลดและควบคุมความมันส่วนเกินมากกว่าซิงค์ (Zinc) ซึ่งเป็นสาเหตุของรูขุมขนกว้าง พร้อมด้วย LHA ที่จะช่วยฟื้นบำรุงผิว ลดการอุดตัน รวมทั้งผลัดเซลล์ผิวโดยไม่ระคายเคือง
เป็นมอยซ์เจอร์ไรเซอร์เนื้อแมตต์ ที่มีความบางเบา ซึมซาบเร็ว ปราศจากน้ำมัน หลังใช้จะรู้สึกได้เลยว่าผิวดูชุ่มชื้น รูขุมขนกระชับ หน้ามันเงาน้อยลง สาว ๆ ที่กำลังมองหา มอยเจอร์ไรเซอร์ ยี่ห้อไหนดี ที่จะช่วยกระชับรูขุมขน น้องคนนี้ตอบโจทย์สุด ๆ เลยค่ะ!
ปริมาณ 40 ml : ราคา 990 บาท (ตก ml ละ 24.75 บาท)
ส่วนประกอบสำคัญ | Sebulyse, LHA |
เนื้อสัมผัส | เนื้อครีมแมตต์ |
เหมาะกับ | ผิวมัน, ผิวผสม |
9. มอยเจอร์ไรเซอร์ ช่วยกู้สภาพผิวที่ดีที่สุด : Cetaphil Moisturizing Cream
ราคา 980 บาท
ข้อดี
+ อ่อนโยน ไม่มีส่วนผสมของน้ำหอม
+ กระปุกใหญ่ ใช้ได้นาน
+ ใช้ได้ทั้งผิวหน้า และผิวกาย
ข้อเสีย
– ไม่ค่อยเหมาะที่จะใช้ตอนกลางวัน
ใครผิวพัง อ่อนแอขั้นสุด มิสซี่ยกให้ตัวนี้เป็นตัวเลือกที่ดีที่สุดเลยค่ะ โดยมีส่วนผสมของ Emollients และ Humectants ที่จะช่วยฟื้นบำรุงล้ำลึกถึงโครงสร้างผิว กู้คืนผิวแห้ง แพ้ครีม แพ้เครื่องสำอาง ให้กลับมาแข็งแรง พร้อมเสริมเกราะปกป้องผิว สามารถใช้คู่กับการรักษาสิว ลดอาการแสบ แดง ลอก หรือการระคายเคืองผิวจากการทำเลเซอร์
โดยคนที่เป็นโรคผิวหนังก็สามารถใช้ได้ ซึ่งตัวนี้จะเป็นเนื้อครีมเข้มข้นแต่ไม่เหนียวเหนอะหนะ เพื่อน ๆ ที่ผิวแห้งลอกเป็นขุย มีอาการแพ้ เป็นผื่น และระคายเคือง ตามหา มอยเจอร์ไรเซอร์ ยี่ห้อไหนดี ที่จะมาช่วยกู้สภาพผิว ต้องรีบไปตำ Cetaphil ตัวนี้ด่วนจี๋เลยค่ะ
ปริมาณ 453 g : ราคา 980 บาท (ตก g ละ 2.16 บาท)
ส่วนประกอบสำคัญ | Emollients, Humectants |
เนื้อสัมผัส | เนื้อครีม |
เหมาะกับ | ผิวแห้ง-แห้งมาก, ผิวบอบบางแพ้ง่าย |
10. มอยเจอร์ไรเซอร์รีวิวเยอะที่สุด : Neutrogena Hydro Boost Water Gel
ราคา 499 บาท
ข้อดี
+เนื้อครีมเจลมีความเย็น สบายผิว
+ ผิวนุ่ม ชุ่มชื้นทันทีหลังทา
+ ไม่มีส่วนผสมของน้ำมัน
ข้อเสีย
– กลิ่นน้ำหอมค่อนข้างแรง
– ถ้าผิวแห้งมาก ๆ อาจจะเอาไม่อยู่
นูโทรจีน่าตัวนี้เป็นตัวที่มีรีวิวเยอะมาก เนื้อครีมเจลซึมง่าย ไม่ทิ้งความเหนอะไว้บนผิว หลังทาแล้วผิวนุ่ม ชุ่มชื้นขึ้นทันที เหมาะกับทุกสภาพผิว โดยเฉพาะผิวขาดน้ำ เพราะผสานไปด้วย Hyaluronic Acid (กรดไฮยาลูรอนิก), Olive Extract และ Ionic Mineral Complex จะช่วยบูทผิวหน้าให้มีความชุ่มชื้น อิ่มน้ำ ดูเปล่งปลั่งสุขภาพดี
พร้อมด้วยเทคโนโลยี Progressive Release System ที่จะช่วยเติมความชุ่มชื้นให้ผิวตลอด 24 ชั่วโมง สามารถใช้ได้ทั้งตอนเช้า และก่อนนอน สาว ๆ ที่ไม่รู้ว่าจะเลือก มอยเจอร์ไรเซอร์ ยี่ห้อไหนดี สำหรับผิวแห้ง ตามไปสอยตัวนี้มาลองได้ค่าา
ปริมาณ 50 g : ราคา 499 บาท (ตก g ละ 9.9 บาท)
ส่วนประกอบสำคัญ | Hyaluronic Acid, Olive Extract, Ionic Mineral Complex |
เนื้อสัมผัส | เนื้อเจล |
เหมาะกับ | ทุกสภาพผิว |
ส่วนผสมหลักที่ดีในมอยเจอร์ไรเซอร์
มอยเจอร์ไรเซอร์ที่ดี ควรประกอบด้วยสารสำคัญ 3 ชนิด คือ Humectants, Emollients และ Occlusives ไม่ว่าจะเลือกมอยเจอร์ไรเซอร์ ยี่ห้อไหนดี ก็ต้องพิจารณาสารสำคัญเหล่านี้ด้วยนะคะ
Humectants – สารกักเก็บความชุ่มชื้น
เป็นสารที่มีคุณสมบัติเด่นในการอุ้มน้ำ ช่วยกักเก็บน้ำ และดูดซับน้ำไว้ในผิวหนังไม่ให้ระเหยออกไป โดยสารตัวนี้ ยังสามารถดึงน้ำในอากาศมากักเก็บไว้ที่ผิวได้ด้วยเช่นกันค่ะ สารกลุ่มประเภทนี้ตัวอย่างเช่น Hyaluronic Acid, Sodium PCA, กรดแลคติค (lactic acid) และกลีเซอรีน ซึ่งเป็นสารที่มีโมเลกุลต่ำ โดยจะใช้เป็นสารตั้งต้นนำไปประกอบใช้ร่วมกับกับสารอื่น ๆ เพื่อมาช่วยรักษาปริมาณน้ำ และกักเก็บน้ำไว้ใต้ผิวหนังได้ดียิ่งขึ้น
Emollients – สารให้ความนุ่มลื่น
มักจะมีพาราฟินเป็นส่วนประกอบ มีคุณสมบัติเป็นเกราะป้องกันผิว ช่วยให้ผิวมีความเนียนนุ่ม หลังการใช้ สารนี้ละลายน้ำได้น้อย แต่ไม่ก่อตัวเคลือบผิวเหมือน occlusive ส่วนผสมของสารตัวนี้ เช่น น้ำมัน กรดไขมัน และเซราไมด์ ซึ่งล้วนเป็นสารที่มอบความชุ่มชื้นได้ดี ช่วยให้ผิวนุ่มลื่น สามารถใช้รักษาโรคผิวแห้งเรื้อรังได้
Occlusives – สารเคลือบผิว
เป็นสารที่ประกอบไปด้วยน้ำมัน และแว็กซ์ เช่น ปิโตรลาทัม (หรือปิโตรเลียม เจลลี่ นั่นแหล่ะค่ะ), ขี้ผึ้ง, mineral oil, ไดเมทิโคน และลาโนลิน (lanolin) มีคุณสมบัติในการปิดกั้นไม่ให้น้ำซึมผ่าน โดยเมื่อทาลงทั่วใบหน้าแล้ว จะกระจายตัวเป็นแผ่นฟิล์มบาง ๆ เคลือบผิวไว้ เพื่อไม่ให้น้ำจากผิวหนังซึมออกไปนั่นเอง อีกทั้ง ยังสามารถเป็นเกราะให้กับผิว ทำหน้าที่ป้องกันไม่ให้สารเคมีเกิดการระคายเคืองต่อผิวได้อีกด้วยค่ะ
คำถามที่พบบ่อยเกี่ยวกับมอยเจอร์ไรเซอร์
มอยเจอร์ไรเซอร์ ใช้ยังไง ทาตอนไหน?
ใช้หลังอาบน้ำเสร็จใหม่ ๆ จะดีที่สุดค่ะ เพราะเป็นช่วงที่รูขุมขนเปิด ทำให้สารต่าง ๆ สามารถซึมเข้าสู่ผิวหนังได้ดี ซึ่งเวลาที่เหมาะสมคือ 3 นาทีหลังอาบน้ำเสร็จค่ะ โดยวิธีการทามอยเจอร์ไรเซอร์ คือ
1.ปาดเนื้อมอยเจอร์ไรเซอร์ให้ทั่วใบหน้า ทั้งหน้าผาก จมูก แก้ม และคาง
2.ใช้นิ้วมือค่อย ๆ นวดขึ้น-ลง ให้ทั่วใบหน้า โดยวนเป็นวงกลม ให้เนื้อมอยเจอร์ไรเซอร์ซึมเข้าไปในผิวจนหมด อย่าลืมหลีกเลี่ยงผิวรอบดวงตานะคะ
3.ทาซ้ำในบริเวณที่แห้งกว่าส่วนอื่น ๆ จากนั้นบำรุงผิวขั้นต่อไปได้เลย
โดยมอยเจอร์ไรเซอร์ สามารถใช้ได้ทั้งกลางวันและกลางคืน ขึ้นอยู่กับสภาพผิว ความเข้มข้นของมอยซ์เจอร์ไรเซอร์ รวมถึงไลฟ์สไตล์ของแต่ละคนด้วยค่ะ
มอยเจอร์ไรเซอร์ ช่วยอะไร?
เมื่อใช้มอยเจอร์ไรเซอร์เป็นประจำทุกวัน จะช่วยบำรุงผิวได้ ดังนี้
1.ปรับโทนสีผิวให้สว่าง กระจ่างใส – ในมอยเจอร์ไรเซอร์บางตัว มีส่วนผสมของเรตินอยด์ (Retinoids) ที่มีคุณสมบัติช่วยกระตุ้นการผลัดเซลล์ผิวเก่า ให้ริ้วรอยและจุดด่างดำดูจางลง เผยผิวสว่าง กระจ่างใสนั่นเองค่ะ
2.ช่วยให้ผิวชุ่มชื้น ไม่แห้งกร้าน – จากส่วนผสมของสารที่ให้ความชุ่มชื้นในมอยเจอร์ไรเซอร์ เช่น กรดไฮยาลูโรนิก (Hyaluronic Acid), กรดแลคติค (lactic acid) และกลีเซอรีน จะเพิ่มความชุ่มชื้นให้ผิว ดูสุขภาพดี อิ่มน้ำ
3.ช่วยให้ผิวดูเรียบเนียน – กรดซาลิไซลิก (salicylic acid) ในมอยเจอร์ไรเซอร์บางตัว จะช่วยลดการอักเสบ และฆ่าเชื้อแบคทีเรีย รวมทั้งกำจัดสิวหัวดำ ส่งผลให้สิวลดลง ผิวหน้าเรียบเนียนขึ้น
ควรใช้มอยเจอร์ไรเซอร์ บ่อยแค่ไหน?
สามารถใช้ได้เป็นประจำวันละ 1-2 ครั้ง ในตอนเช้า หรือหลังจากล้างหน้าเสร็จแล้ว แต่ทั้งนี้ก็ขึ้นอยู่กับสภาพผิว และความเข้มข้นของมอยเจอร์ไรเซอร์ด้วย รวมทั้งส่วนผสมอื่น ๆ ว่ามีผลต่อเกราะป้องกันผิวหรือไม่ อย่างเช่น เรตินอยด์ (Retinoids) หรือ กรดซาลิไซลิก (salicylic acid) จะมีคุณสมบัติผลัดเซลล์ผิว อาจจะทำให้ผิวไวต่อแดด และผิวเกิดระคายเคืองได้นั่นเองค่ะ
ใช้เซรั่มควบคู่กับมอยเจอร์ไรเซอร์ยังไง?
สามารถใช้เซรั่มก่อน รอให้ซึมลงผิวจนหมด แล้วค่อยตามด้วยมอยเจอร์ไรเซอร์ได้เลย เพราะตามกฎการลงสกินแคร์จะต้องลงเนื้อบางเบาที่สุดก่อน (เซรั่ม-น้ำ-เจล) ไปจนถึงเนื้อที่หนักที่สุด (ครีม-น้ำมัน) ซึ่งเซรั่มส่วนใหญ่จะมีเนื้อบางเบากว่ามอยเจอร์ไรเซอร์อยู่แล้วค่ะ
ควรทามอยเจอร์ไรเซอร์เยอะแค่ไหน?
ปริมาณที่แนะนำคือ ประมาณหนึ่งเหรียญ หรือปริมาณเท่ากับเมล็ดอัลมอนด์ ทั้งนี้ ก็ขึ้นอยู่กับสภาพผิวของแต่ละคนด้วยว่า มีความแห้งมากน้อยขนาดไหน รวมทั้งดูความเข้มข้นของเนื้อมอยเจอร์ไรเซอร์ที่เราใช้อยู่ด้วย โดยเพื่อน ๆ สามารถพิจารณาได้ตามความเหมาะสมเลยค่ะ
มอยเจอร์ไรเซอร์แต่ละยี่ห้อ แต่ละสูตร แม้ว่าจะมีส่วนผสมหลักที่คล้ายกัน แต่ก็มีส่วนผสมอื่น ๆ ที่แตกต่างกัน ซึ่งผลลัพธ์กับผิวที่ได้ ก็จะมีความแตกต่างกันด้วย ดังนั้น สาว ๆ อย่าลืมเปรียบเทียบส่วนผสมก่อนที่จะซื้อ เพื่อให้ได้มอยเจอร์ไรเซอร์ที่ช่วยฟื้นบำรุงผิวได้อย่างตรงจุด และตอบโจทย์กับสภาพผิวของตัวเองได้ดีที่สุดนะคะ โดยสามารถใช้ข้อมูลจาก 10 มอยเจอร์ไรเซอร์ ยี่ห้อไหนดี ที่มิสซี่รวบรวมมาให้นี้ ไปเป็นอีกหนึ่งส่วนในการช่วยเลือกมอยเจอร์ไรเซอร์ให้เหมาะกับผิวของเราค่ะแถมยังมีช่องทางการสั่งซื้อออนไลน์ไว้ให้ด้วย มิสซี่รับรองว่าปังทุกตัวเลยค่าาา ^^
อ้างอิง:
https://www.webmd.com/beauty/features/moisturizers
https://www.masterclass.com/articles/types-of-moisturizers
https://yodersmill1969.blogspot.com/2021/11/peter-thomas-roth-rose-stem-cell-bio.html