รีวิว 10 น้ำยากัดสีผม ยี่ห้อไหนดี 2023 ผมไม่เสีย [แนะนำ!]

สวัสดีค่ะ มาพบกันอีกครั้งกับมิสซี่ เพื่อน ๆ รู้สึกเบื่อสีผมธรรมชาติ และต้องการลองสีผมใหม่ ๆ กันไหมคะ? หากรู้สึกเบื่อสีผมตัวเอง อยากลองเปลี่ยนลุคใหม่ เพื่อน ๆ ที่กำลังอ่านอยู่มาถูกทางแล้วค่ะ ในวันนี้มิสซี่จะมาแนะนำให้หลายคนรู้จักกับ น้ำยากัดสีผม ไอเทมที่หลายคนเลือกใช้เพื่อเปลี่ยนสีผมใหม่ ทำให้ผมสีเข้มกลายเป็นสีอ่อนในไม่กี่ขั้นตอนง่าย ๆ แต่ละแบรนด์ก็มีความแตกต่างกันไปมากมาย จึงเป็นเรื่องยากที่จะยกแบรนด์ที่เหมาะที่สุดมาแบรนด์เดียว จึงเป็นเหตุผลที่ทำให้มิสซี่ได้รวบรวมมาทั้ง 10 อันดับ ที่ดีที่สุดมาให้เพื่อน ๆ ได้รู้จักกันค่ะ

การฟอกสีผม เป็นตัวช่วยที่สำคัญเมื่อเพื่อน ๆ ต้องการเปลี่ยนสีผมสำหรับปรับเปลี่ยนลุค สำหรับสาว ๆ ที่กำลังมองหาน้ำยาฟอกสีผมไม่เสียดี ๆ สักชิ้น อย่าเพิ่งกดออกจากหน้านี้ค่ะ เพราะในวันนี้มิสซี่จะมารีวิว น้ำยากัดสีผม ยี่ห้อไหนดี ทั้ง 10 ชิ้นที่มิสซี่ตั้งใจเลือกมาให้เพื่อน ๆ ทุกคน พร้อมทริคดี ๆ ในการใช้ครีมฟอกสีผม หากพร้อมแล้ว เรามาเริ่มกันเลยค่ะ!  

Table of Contents

TOP 3 น้ำยากัดสีผมที่ดีที่สุด

#1 NIGAO Bleaching Cream Maxx Light Deluxe

NIGAO Bleaching Cream Maxx Light Deluxe น้ำยากัดสีผม ยี่ห้อไหนดี

ราคา 198 บาท

#2 L’oreal Excellence Bleach Supreme

L'oreal Excellence Bleach Supreme น้ำยากัดสีผม ยี่ห้อไหนดี

ราคา 399 บาท

#3 Schwarzkopf Blondme Bond Enforcing Premium Lightener 9+

Schwarzkopf Blondme Bond Enforcing Premium Lightener 9+ น้ำยากัดสีผม ยี่ห้อไหนดี

ราคา 1,789 บาท

มาทำความรู้จักกับน้ำยากัดสีผม

ยากัดสีผม คือ ผลิตภัณฑ์ที่ใช้สารเคมีทำลายเม็ดสีเมลานินเพื่อทำให้สีผมอ่อนลงก่อนลงน้ำยาย้อมผม โดยการทำงานของผลิตภัณฑ์ฟอกสีผม จะใช้สารเคมี 2 กลุ่มด้วยกัน คือ สารที่เป็นด่าง (เช่น แอมโนเนีย) และสารออกซิไดซ์ (เช่น ไฮโดรเจนเปอร์ออกไซด์) ซึ่งสามารถทำปฏิกิริยากับเส้นผมและปรับสีผมให้สว่างขึ้นได้

แล้วทำไมบางคนฟอกผมแล้วเป็นสีส้ม? เนื่องจากเส้นผมมนุษย์จะมีเมลานิน 2 ชนิดคือ eumelanin (สีดำ) และ pheomelanin (สีแดง) จึงทำให้สีผมที่ฟอกออกมามักจะติดสีส้มอยู่บ้างนั่นเองค่ะ ดังนั้น ควรใช้สีหักล้างสีส้มอย่าง สีน้ำเงิน ผสมลงไปเล็กน้อยขณะย้อมสีผมจะช่วยให้ได้สีผมไม่ติดส้มจนเกินไปนั่นเองค่ะ

น้ำยาฟอกผมมีทั้งแบบครีมและแบบผง อย่างไรก็ตามควรใช้อย่างระมัดระวังและปฏิบัติตามคำแนะนำเพื่อไม่ให้ผมหรือหนังศีรษะเสียหายนะคะ

ข้อดี-ข้อเสียของน้ำยากัดสีผม

น้ำยากัดสีผม ดีต่อการเตรียมผมสำหรับทำสีผมแฟชั่น เช่น ผมสีน้ำเงิน ผมสีเทา หรือแม้กระทั่งผมสีชานม สีช็อกโกแลตค่ะ เพราะกลุ่มนี้เป็นเฉดสีย้อมผมสวยๆ แต่ทำให้ตรงหน้ากล่องยากหาไม่กัดสีผมนั่นเอง และข้อดีของการใช้ครีมกัดสีผม คือ

  • ช่วยปรับพื้นสีผมให้ได้ระดับที่ต้องการ
  • ช่วยให้คนผมดำสนิทมีผมสีอ่อนลง หมดกังวลเรื่องย้อมไม่ติด หรือ ย้อมไม่ออกสี
  • ทำให้สีผมใหม่ติดง่ายและติดทนนาน
  • ในบางคนอาจใช้เพื่อทำไฮไลท์บนเส้นผม ซึ่งช่วยเพิ่มมิติและความลึกให้กับสีผม

ส่วนข้อเสียของยาฟอกสีผม เนื่องจากมีฤทธิ์กัดผมค่อนข้างแรง จึงอาจส่งผลให้ระคายเคืองผิวหนัง เช่น หนังศีรษะ ผิวหน้าบริเวณโคนผม และมือได้ อีกทั้งหากเพื่อนๆ ผมอ่อนแอเป็นทุนเดิมและเลือกใช้ยากัดสีผมแรงเกินไป อาจส่งผลให้เกิดผมขาดร่วงได้ค่ะ ดังนั้น ก่อนกัดสีผม ย้ำว่าควรบำรุงผมหนักๆ ก่อนทั้งทรีทเม้นท์ผม เคราติน น้ำมันใส่ผม บำรุงจัดเต็มกันไปเลยสัก 1 อาทิตย์ เพื่อลดผมแห้งเสียให้ได้มากที่สุดนั่นเอง

ข้อควรรู้ก่อนใช้น้ำยากัดสีผม

  • อย่าลืม! เช็กภาชนะสำหรับผสมสีฟอกผม ถุงมือ และอุปกรณ์ก่อนเริ่มฟอก
  • น้ำยาฟอกผม สามารถฟอกผมได้หลายระดับ (หากจะย้อมสีแฟชั่น ส่วนใหญ่ควรฟอกผมที่ระดับ 8-11) ดังนั้น เพื่อนๆ ควรเลือกสีย้อมผมก่อนฟอก เพื่อจะใช้สีฟอกผมตามคำแนะนำและได้สีตรงปกมากที่สุด
  • Hydrogen Peroxide เป็นสารเคมีเหลวไม่มีสี มีคุณสมบัติฟอกสีผมให้ขาว และ Hydrogen มีเปอร์เซ็นต์ต่างกัน เหมาะกับสภาพผมที่ต่างกัน และนี่คือข้อมูลเล็กๆ น้อยๆ ที่มิสซี่นำมาฝาก เพื่อให้เพื่อนๆ เลือก Hydrogen ให้เหมาะกับสภาพผมตัวเองค่ะ
Hydrogen 3%  เหมาะกับผมแห้งเสียมากอยู่แล้วทำร้ายผมน้อยที่สุด
Hydrogen 6%  ผมเส้นเล็กไม่ควรใช้ Hydrogen เกิน 6%
Hydrogen 9%  เหมาะกับผมเส้นใหญ่ ไม่ค่อยผ่านการทำเคมี
Hydrogen 12%  สำหรับผมเส้นใหญ่และแข็งแรงมากๆ

แต่ข้อควรระวังคือ Hydrogen มีเปอร์เซ็นต์ยิ่งสูง จะยิ่งกัดผมแรง Hydrogen 3% – 9% สำหรับน้ำยากัดสีผม ถือว่าให้ผลลัพธ์ในการฟอกที่ดีแล้วค่ะ

จะเลือกซื้อ น้ำยากัดสีผม ยี่ห้อไหนดี 2566  

1. น้ำยากัดสีผม โดยรวมดีที่สุด : NIGAO Bleaching Cream Maxx Light Deluxe

NIGAO Bleaching Cream Maxx Light Deluxe น้ำยากัดสีผม ยี่ห้อไหนดี

ราคา 198 บาท

ข้อดี
+ สีผมสว่างตั้งแต่รอบแรกที่ฟอก
+ กลิ่นไม่ฉุน
+ ไม่แสบหนังศีรษะ

ข้อควรพิจารณา
– ไม่ควรใช้ฟอกขนตาหรือคิ้ว

น้ำยากัดสีผม Nigao ไอเทมสุดปังสำหรับฟอกสีผมให้สว่างถึง 9 ระดับ กลิ่นไม่ฉุน เนื้อครีมไม่หนืดข้น ล้างออกง่าย ลดสารแอมโมเนียซึ่งก่อให้เกิดมะเร็ง ถ้าเพื่อน ๆ ไม่อยากผมเสีย รับรองเลยว่าใช้ตัวนี้ไม่ผิดหวังค่ะ เพราะเป็นไอเทมฟอกสีผมที่ช่วยบำรุง เสริมความแข็งแรงของเส้นผม ในขณะเดียวกันก็ช่วยฟอกผมอย่างอ่อนโยนกับทุกสภาพผมเลย 

บอกเลยว่าน้ำยากัดสีผมนิกาโอะ รีวิวไม่ธรรมดาเลยนะคะ เพื่อนๆ หลายคนโชว์ผลลัพธ์หลังใช้ครีมกัดผมว่าปังไม่ไหว ทั้งไม่แสบ ผมไม่ขาดร่วง คือดีงาม ทำให้ผมสีสว่าง สีผมอ่อนลงเยอะกว่าเดิมมาก และยังดูสม่ำเสมอ แต่ผมไม่เสียของจริง! อย่างไรก็ตาม อย่าลืมทดสอบการแพ้ก่อนใช้น้ำยาฟอกผมนะคะ สาว ๆ ที่กำลังเลือกซื้อ น้ำยากัดสีผม ยี่ห้อไหนดี มิสซี่แนะนำตัวนี้เลยค่า 

ปริมาณ 100 ml : ราคา 198 บาท (ตก ml ละ 1.98 บาท)

จุดเด่น -ลดสารแอมโมเนีย
-สีผมดูสม่ำเสมอ 
ชนิด ครีม
ปรับสีผมสว่าง 9 ระดับ
เหมาะกับ ทุกสภาพเส้นผม ผมเสีย 

2. สีฟอกผม ใช้ง่ายที่ดีที่สุด : L’oreal Excellence Bleach Supreme

L'oreal Excellence Bleach Supreme น้ำยากัดสีผม ยี่ห้อไหนดี

ราคา 399 บาท

ข้อดี
+ อุปกรณ์ครบ พร้อมแชมพูและครีมบำรุงผม
+ อ่อนโยนต่อหนังศีรษะ
+ ไม่ทดลองในสัตว์

ข้อควรพิจารณา
– กลิ่นค่อนข้างแรง
หากผมยาวมากต้องใช้ 2-3 กล่อง

เพื่อน ๆ ที่อยากได้น้ำยากัดสีผมดี ๆ ช่วยลดความเสียหายขณะฟอกผม อย่าเพิ่งเลื่อนผ่านน้ำยากัดสีผม ลอรีอัลตัวนี้ค่ะ ตัวนี้ช่วยปรับสีผมสว่าง 8 ระดับ กัดสีได้ดี เหมาะกับทุกสภาพเส้นผม ผมสีเข้มก็เห็นผลค่ะ และใช้งานง่าย ตอบโจทย์เพื่อน ๆ ที่อยากทำสีผมด้วยตนเองที่บ้าน ผมสวยเหมือนทำที่ร้านเลยค่า  

น้ำยาฟอกสีผม ผมไม่เสียของลอรีอัลรุ่นนี้บรรจุแชมพู และ Hair Mask บำรุงผมมาด้วยค่ะ มีคุณสมบัติช่วยทำความสะอาดเส้นผม ลดอาการระคายเคือง ใช้สำหรับสระหลังฟอกสีผม แล้วล้างออก จากนั้นก็เป่าให้แห้งพร้อมสำหรับการทำสีผมเลยค่ะ สาว ๆ ที่อยากได้ลุคสีผมใหม่และกำลังมองหา น้ำยากัดสีผม ยี่ห้อไหนดี ต้องไม่พลาดลอรีอัลตัวนี้ค่า 

ปริมาณ 245 g : ราคา 399 บาท (ตก g ละ 1.62 บาท)

จุดเด่น -ระคายเคืองผิวน้อย
-กัดสีได้ดี 
ชนิด ครีม 
ปรับสีผมสว่าง 8 ระดับ
เหมาะกับ ผมสีเข้ม ผมไม่เคยทำสี 

3. น้ำยากัดสีผม ไม่แสบที่ดีที่สุด : Schwarzkopf Blondme Bond Enforcing Premium Lightener 9+

Schwarzkopf Blondme Bond Enforcing Premium Lightener 9+ น้ำยากัดสีผม ยี่ห้อไหนดี

ราคา 1,789 บาท

ข้อดี
+ ไม่แสบหนังศีรษะ
+ มไม่เสียมากหลังทำ
+ มีดีเวลลอปเปอร์ให้เลือกตั้งแต่ 2% 6% 9% และ 10%

ข้อควรพิจารณา
– ราคาค่อนข้างสูง

สาว ๆ ที่กำลังมองหาน้ำยากัดสีผม ไม่แสบ ผมไม่เสียมาก สำหรับทำสีผมให้สวยงามและดูเป็นธรรมชาติ อย่าเพิ่งข้ามตัวนี้ไปค่ะ แนะนำของ schwarzkopf เป็นอีกตัวเลือกที่เมื่อเทียบจากคุณภาพแล้วถือว่าคุ้มค่าเลยทีเดียว มีคุณสมบัติช่วยกัดสีผมให้อ่อนลงโดยไม่ทำลายสุขภาพเส้นผมและหนังศีรษะจนเกินไป

เป็นน้ำยาฟอกสีผมไม่เสียหนักเพราะเขาใช้ Bond Enforcing Technology ช่วยปกป้องเส้นผม ไม่ทำให้ผมเปราะบาง ช่วยรักษาให้เส้นผมแข็งแรงแม้อยู่ในระหว่างการทำสีผม สาว ๆ ที่กำลังเลือก น้ำยากัดสีผม ยี่ห้อไหนดี ที่ผมเสียน้อย กลิ่นไม่แรง มิสซี่แนะนำตัวนี้ค่ะ ไม่ทำให้แสบหรือคันหนังศีรษะ คุณภาพเกินราคามากกก

ปริมาณ 450 g : ราคา 1,789 บาท (ตก g ละ 3.97 บาท)

จุดเด่น -อ่อนโยนต่อเส้นผม ไม่ค่อยรู้สึกคัน 
-Bonding Technology ลดความเสี่ยงผมเปราะบาง ขาดง่าย 
ชนิด ผง
ปรับสีผมสว่าง 9 ระดับ
เหมาะกับ ผมแห้งเสีย ผมทำสีบ่อย 

4. น้ำยากัดผมขาวที่ดีที่สุด : Wella Professionals Blondor Multi-Blonde Powder

Wella Professionals Blondor Multi-Blonde Powder น้ำยากัดสีผม ยี่ห้อไหนดี

ราคา 950 บาท

ข้อดี
+ ลดเม็ดสีเหลืองในเส้นผม
+ อ่อนโยนต่อหนังศีรษะ
+ ผู้เชี่ยวชาญแนะนำ

ข้อควรพิจารณา
– ต้องซื้อดีเวลลอปเปอร์แยก

มารู้จักกับยากัดผมแบรนด์ฮิตที่ช่างทำผมหลายคนชื่นชอบ อย่าง น้ำยากัดสีผม Wella กันดีกว่าค่ะ เป็นสีกัดผมที่อ่อนโยนต่อเส้นผมมากๆ เหมาะสำหรับคนที่ชื่นชอบการทำสีผมหรือช่างทำผม โดยเฉพาะคนที่หาน้ำยากัดผม สีเทา ต้องโดน! เพราะตัวนี้ช่วยลดไรเหลืองในเส้นผมที่อาจทำให้ย้อมผมสีเทาเพี้ยนไปได้นั่นเองค่ะ 

ไม่ว่าเส้นผมของเพื่อน ๆ จะผ่านการฟอกสีมาหลายครั้ง หรือเป็นมือใหม่หัดทำสีผม สูตรนี้จะช่วยให้ฟอกสีผมได้ง่าย ๆ และลดโอกาสเส้นผมเสียหายค่ะ สำหรับเพื่อน ๆ ที่ต้องการ น้ำยากัดสีผม ยี่ห้อไหนดี ที่อ่อนโยนต่อเส้นผม มิสซี่แนะนำให้ลองใช้ตัวนี้ ก่อนทำสีผมค่ะ 

ปริมาณ 400 g : ราคา 950 บาท (ตก g ละ 2.37 บาท)

จุดเด่น -มีสารบำรุงช่วยป้องกันผมเสีย 
-มีส่วนผสมของ Anti-yellowing agents ช่วยลดเม็ดสีเหลืองในเส้นผม 
ชนิด ผง
ปรับสีผมสว่าง 7 ระดับ
เหมาะกับ ผมทำสีบ่อย 

5. น้ำยากัดสีผม ผสมสารสกัดธรรมชาติที่ดีที่สุด : Lolane Pixxel pro Blonde Up Hair Bleaching

Lolane Pixxel pro Blonde Up Hair Bleaching น้ำยากัดสีผม ยี่ห้อไหนดี

ราคา 499 บาท

ข้อดี
+ สูตรช่วยลดไรเหลืองในเส้นผม
+ มีส่วนผสมลดระคายเคืองผิว
+ กลิ่นไม่ฉุน

ข้อควรพิจารณา
– ไม่มีจำหน่ายแบบซอง

น้ำยากัดผม ผมไม่เสียอีกแบรนด์ที่ได้รับความนิยมในท้องตลาด จากแบรนด์ Lolane Pixxel ที่เป็นออร์แกนิค มีสารสกัดจากธรรมชาติจากดอก Comfrey และ Tsubaki Oil มีคุณสมบัติช่วยลดอาการระคายเคืองและเติมความชุ่มชื้น และป้องกันไม่ให้ผมแห้งเสียหลังจากฟอกผม ทำให้เส้นผมยังคงนุ่มและจัดทรงง่าย

Lolane ตัวนี้ไม่มีส่วนประกอบที่ทำลายเส้นผมอย่างซิลิโคน พาราเบน ไตรโคลซาน และ SLS และยังมี Smooth Pigment Technology ช่วยลดเม็ดสีเหลืองในผม เป็นแบรนด์ที่สาว ๆ หลายคนรู้สึกพึงพอใจกับผลลัพธ์หลังจากใช้ค่ะ สาว ๆ อยากได้ น้ำยากัดสีผม ยี่ห้อไหนดี มิสซี่อยากให้ลองสีฟอกผมด้วยตัวนี้ดูค่า ราคาไม่แรง และมีสารสกัดปลอบประโลมผิวดีๆ ด้วย 

ปริมาณ 500 g : ราคา 499 บาท (ตก g ละ 0.99 บาท)

จุดเด่น -ลดเม็ดสีเหลืองในผม 
-ลดโอกาสผมแห้งเสีย
-ทำให้สีผมสม่ำเสมอ 
ชนิด ผง
ปรับสีผมสว่าง 10 ระดับ
เหมาะกับ ทุกสภาพเส้นผม 

6. ครีมกัดผม กลิ่นไม่ฉุนที่ดีที่สุด : Dipso Focus Highlight Powder Bleach

Dipso Focus Highlight Powder Bleach น้ำยากัดสีผม ยี่ห้อไหนดี

ราคา 38 บาท

ข้อดี
+ ผงฟอกเนื้อละเอียด ผสมง่าย
+ กลิ่นไม่แรง
+ กัดรอบเดียวได้สีค่อนข้างอ่อนเลย

ข้อควรพิจารณา
– มีส่วนผสมของสาร Persulfate ควรใช้อย่างระมัดระวัง

น้ำยากัดสีผม Dipso มีคุณสมบัติช่วยกัดสีผมสว่างขึ้นอย่างเห็นได้ชัด ในขณะเดียวกันก็อ่อนโยนต่อเส้นผมค่ะ เป็นน้ำยาฟอกผมสูตรผง ผสมและทาง่าย ไม่มีกลิ่นแรงเหมือนน้ำยาฟอกสีผมทั่วไป ที่สำคัญเป็นยาฟอกสีผมราคาถูกและดี กัดสีผมให้อ่อนลงเยอะพอสมควรแม้กัดเพียงรอบเดียวค่ะ

เป็นน้ำยากัดสีผม ผมไม่เสีย ไม่ว่าจะผมแห้งหรือผมเปราะบาง ผลิตภัณฑ์นี้ได้รับการออกแบบมาให้อ่อนโยนต่อเส้นผม ในขณะที่ให้ผลลัพธ์อย่างมีประสิทธิภาพ ช่วยให้สาว ๆ ได้ลุคที่ต้องการ อย่างไรก็ตาม อย่าลืมทดสอบการแพ้ก่อนใช้กัดสีผมนะคะ สาว ๆ ที่กำลังเลือก น้ำยากัดสีผม ยี่ห้อไหนดี ที่ไม่ทำให้ผมแห้งเสีย ต้องรีบไปตำคผงฟอกสีผมตัวนี้มาใช้แล้วค่า 

ปริมาณ 75 g : ราคา 38 บาท (ตก g ละ 0.5 บาท)

จุดเด่น -ได้ระดับสีผมตามที่ต้องการ
-ไม่ทำให้ผมแห้งหรือเปราะ
ชนิด ผง
ปรับสีผมสว่าง 8 ระดับ
เหมาะกับ ผมทำไฮไลท์ ผมทำสี

7. ครีมกัดผม สีผมสว่างที่ดีที่สุด : Lolane Pixxel Hair Bleaching Cream

Lolane Pixxel Hair Bleaching Cream น้ำยากัดสีผม ยี่ห้อไหนดี

ราคา 115 บาท

ข้อดี
+ มีเปอร์เซ็นต์ไฮโดรเจนให้เลือกตามชอบ
+ ถนอมเส้นผม ผมไม่ขาดร่วง
+ กลิ่นไม่ฉุนมาก

ข้อควรพิจารณา
– หากผสมอัตราส่วนไม่ถูกต้อง อาจทำให้ยาฟอกผมแรงเกินไป
ต้องซื้อถุงมือแยก

ยี่ห้อดังที่สาว ๆ หลายคนใช้แล้วต้องรู้สึกประทับใจ น้ำยากัดสีผม Lolane ชนิดครีม เกลี่ยง่าย มีสารสกัดจากโอเมก้าออยล์ ช่วยบำรุงและปกป้องเส้นผมในระหว่างขั้นตอนการฟอกสีผม ทำให้ผมชุ่มชื้น ไม่แห้ง และยังคงความเงางาม

แบรนด์ lolane เป็นสีกัดผม ผมไม่เสียมากเท่าไหร่ และสาวๆ หลายคนที่ชอบครีมกัดสีผมอ่อนๆ ใช้ รุ่น 9% หรือ 12% ก็ประทับใจในผลลัพธ์แทบทุกรายค่ะ เมื่อถึงขั้นตอนทำสีผมก็จะได้สีที่สม่ำเสมอค่ะ ดังนั้น สาว ๆ ที่กำลังเลือกซื้อ น้ำยากัดสีผม ยี่ห้อไหนดี อย่ารอช้ารีบไปตำน้ำยากัดผมตัวนี้มาค่า ใช้ง่าย ได้ผลจริง อ่อนโยนต่อเส้นผมและหนังศีรษะค่ะ 

ปริมาณ 15 g : ราคา 34 บาท (ตก g ละ 2.26 บาท)

จุดเด่น -ไม่ทำให้ผมเหลือง
-มีสารบำรุงเส้นผม 
ชนิด ครีม
ปรับสีผมสว่าง 10 ระดับ
เหมาะกับ 6% สูตร Gentle Level เหมาะกับผมเสีย 
9% สูตร Medium Level ผมทำไฮไลท์ ผมแข็งแรง
12% สูตร Extreme Level ผมแข็งแรงให้ความสว่างระดับ 10

8. ผงสีฟอกผม ผสมง่ายที่ดีที่สุด : Dcash Professional Master Bleaching Powder

Dcash Professional Master Bleaching Powder น้ำยากัดสีผม ยี่ห้อไหนดี

ราคา 28 บาท

ข้อดี
+ เนื้อผงละเอียด ผสมได้ง่าย
+ มีหลายสีให้เลือก
+ ราคาไม่แพง

ข้อควรพิจารณา
– สีฟอกผมอาจทำให้แสบมือ ควรสวมถุงมือขณะกัดสีผม

มาต่อที่ dcash ผงฟอกสีผม ตัวช่วยที่เพื่อน ๆ สามารถใช้ทำสีผมได้เองที่บ้าน ใช้งานง่าย ช่วยให้เพื่อน ๆ ได้สีผมที่สมบูรณ์แบบ สีผมมีความสม่ำเสมอ เนื้อผงมีความละเอียด ผสมกับดีเวลลอปเปอร์ง่าย ช่วยให้สีผมสว่าง เหมาะกับการทำไฮไลท์หรือสไตล์บาลายาจ 

ยาฟอกสีผม dcash เหมาะกับคนที่ต้องการเตรียมย้อมผมแฟชั่น เพราะมีสูตรน้ำยากัดสีผมสีแดง สีเทา มีขาว ให้เลือกตามสีผมที่ต้องการเลยค่ะ ช่วยให้สีผมอ่อนลง และทำสีใหม่ตามได้ง่าย โดยไม่ทำลายเส้นผม เมื่อฟอกสีผมด้วย dcash แล้ว สามารถล้างออกด้วยแชมพู และตบท้ายด้วยหมักทรีตเมนต์บำรุงผมแล้วล้างออก จะช่วยลดสารเคมีที่ตกค้างบนหนังศีรษะได้เป็นอย่างดี สำหรับเพื่อน ๆ ที่กำลังส่องหา น้ำยากัดสีผม ยี่ห้อไหนดี มิสซี่เชียร์ให้เพื่อน ๆ ลองตัวนี้เลย

ปริมาณ 15 g : ราคา 28 บาท (ตก g ละ 1.86 บาท)

จุดเด่น -มีเคราตินเข้มข้น 
-ใช้ทำสีได้
ชนิด ผง
ปรับสีผมสว่าง 9 ระดับ
เหมาะกับ ผมสีเข้ม ผมย้อมสีดำมาก่อน 

9. น้ำยากัดสีผม ผมขาว ถูกและดีที่สุด : Farger Perfect Hair Bleaching Cream

Farger Perfect Hair Bleaching Cream น้ำยากัดสีผม ยี่ห้อไหนดี

ราคา 65 บาท

ข้อดี
+ เนื้อครีมละเอียด
+ กลิ่นไม่ฉุน 
+ ราคาถูก

ข้อควรพิจารณา
– ผลลัพธ์ขึ้นอยู่กับสภาพเส้นผม
ต้องกัดหลายรอบถึงจะขาวตรงปก

หากเพื่อน ๆ กำลังมองหายากัดสีผมทรงพลังที่ช่วยให้ได้ผมสีอ่อนพร้อมต่อการทำสีใหม่ ต้องลองครีมกัดผม Farger Perfect ตัวนี้เลยค่า เป็นน้ำยากัดผมสีขาว ตอบโจทย์สาว ๆ ที่ไม่ชอบครีมฟอกผมสีเหลือง เนื้อครีมละเอียด ผสมง่าย ไม่กระจายตัว กลิ่นไม่ฉุนมากเท่าไหร่ค่ะ

ดีเวลลอปเปอร์ของครีมกัดผมตัวนี้ กัดสีผมไม่แรงจนเกินไป จึงเป็นตัวเลือกที่ดีสำหรับสาว ๆ ที่อยากให้สุขภาพผมยังคงแข็งแรงและทำสีผมได้ง่ายค่า หากกำลังมองหา น้ำยากัดสีผม ยี่ห้อไหนดี ครีมกัดผม Farger Perfect เป็นอีกช้อยส์ดี ๆ สำหรับคนที่อยากทำสีผมเอง ทำได้ง่าย ๆ ที่บ้าน ไม่ยุ่งยากเลยค่ะ 

ปริมาณ 60 ml : ราคา 65 บาท (ตก ml ละ 1.08 บาท)

จุดเด่น -ย้อมสีใหม่ได้ง่าย
-ดีเวลลอปเปอร์มีความเข้มข้นระดับพอดี 
ชนิด ครีม
ปรับสีผมสว่าง 10 ระดับ
เหมาะกับ ผมสีเข้ม ผมไม่เคยทำสี

10. ผงกัดสีผม ราคาถูกที่ดีที่สุด : Berina Hair Bleaching Powder

Berina Hair Bleaching Powder น้ำยากัดสีผม ยี่ห้อไหนดี

ราคา 30 บาท

ข้อดี
+ กลิ่นไม่ฉุนจนเกินไป
+ ราคาถูก
+ สีผมอ่อนลงในระดับที่น่าพอใจ

ข้อควรพิจารณา
– ดีเวลลอปเปอร์ค่อนข้างเข้มข้น อาจทำให้หนังศีรษะระคายเคืองหากใช้ไม่ถูกวิธี

เบอริน่า เป็นน้ำยากัดสีผม 7-11 ที่ราคาถูก ตัวอีกเลือกยอดนิยมสำหรับสาว ๆ ที่ต้องการทำสีผมให้สว่างขึ้น ออกแบบมาเพื่อยกผมขึ้นถึง 12 ระดับ มาพร้อมกับดีเวลลอปเปอร์ 12% เพียงใช้ผงกัดผมผสมกับดีเวลลอปเปอร์ ฟอกผมทิ้งไว้ 20-30 นาที แล้วล้างออก เพียงเท่านี้เส้นผมก็จะสว่างขึ้น พร้อมสำหรับการทำสีผมใหม่แล้วค่า 

เป็นตัวที่เหมาะสำหรับเพื่อน ๆ มือใหม่ที่อยากลองฟอกสีผม ผสมได้ง่ายและรวดเร็ว สำหรับใครก็ตามที่ต้องการฟอกสีผมเองที่บ้าน แบรนด์เบอริน่า ถือเป็นอีกหนึ่งตัวเลือกราคาประหยัดค่ะ สำหรับสาว ๆ ที่อยากจะซื้อ น้ำยากัดสีผม ยี่ห้อไหนดี มิสซี่เชียร์ตัวนี้เลยค่า ราคาถูก กัดสีผมเดิมออกง่ายมากค่ะ  

ปริมาณ 15 g : ราคา 30 บาท (ตก g ละ 2 บาท)

จุดเด่น -สีผมสว่างชัดเจน พร้อมสำหรับทำสีใหม่
-ได้สีตามต้องการ 
ชนิด ผง
ปรับสีผมสว่าง 10 ระดับ
เหมาะกับ ผมโทนเหลือง ผมโทนสีขาว 

วิธีเลือกซื้อ “น้ำยากัดสีผม ” 

การเลือกผงฟอกสีผมอาจเป็นงานที่น่ากังวล โดยเฉพาะคนที่ไม่เคยทำสีผม หรือไม่คุ้นเคยกับผลิตภัณฑ์น้ำยากัดสีผมประเภทต่างๆ ที่วางขายในท้องตลาด ในหัวข้อนี้มิสซี่จะมาช่วยเพื่อน ๆ เลือกกัน วิธีเลือกซื้อ นั้นไม่ยากเลยค่า เพื่อน ๆ สามารถพิจารณาจากปัจจัยดังต่อไปนี้ 

สภาพเส้นผม 

ก่อนตัดสินใจเลือกซื้อน้ำยากัดสีผม ควรพิจารณาประเภทของเส้นผมก่อน สำหรับผมบางหรือเส้นเล็ก ให้เลือกผลิตภัณฑ์ฟอกสีอ่อนๆ ที่ไม่ทำให้ผมเสีย หากเพื่อน ๆ มีผมหนาหรือหยาบ ให้เลือกสารฟอกขาวที่เข้มข้นกว่าซึ่งจะช่วยกัดสีผมได้ไว 

ความเข้มข้น 

ระดับความเข้มข้นของน้ำยาฟอกผมเป็นอีกปัจจัยสำคัญที่ต้องพิจารณา หากเพื่อน ๆ มีผมสีเข้ม อาจจะต้องใช้น้ำยากัดสีผมที่มีความเข้มข้นกว่า หรือต้องฟอกสีผมมากกว่า 2 ครั้ง อย่างไรก็ตาม สำหรับผมเส้นเล็กหรือผมบอบบางใช้น้ำยาฟอกสีความเข้มข้นระดับอ่อน ๆ ก็เพียงพอแล้ว

ส่วนผสม

ก่อนเลือกซื้อ ควรตรวจสอบรายการส่วนผสม เพื่อหลีกเลี่ยงผลิตภัณฑ์ที่มีสารเคมีรุนแรง เช่น แอมโมเนีย ซึ่งอาจทำให้ผมเสียได้ และอาจเลือกน้ำยากัดสีผมสูตรอ่อนโยนที่มีส่วนผสมของสารบำรุงผม เพื่อลดความเสี่ยงที่ก่อให้เกิดผมแห้งเสีย 

วิธีใช้น้ำยากัดสีผม

วิธีใช้ทำได้ง่าย ๆ ไม่ยากเลยค่ะ แม้จะเป็นมือใหม่ที่อยากลองทำสีผม ก็ทำตามไปด้วยกันได้โดยวิธีง่าย ๆ ดังนี้ค่ะ

สำรวจเส้นผม

ก่อนอื่นเลยต้องเริ่มจากพิจารณาว่าเส้นผมของเพื่อน ๆ แข็งแรงพอที่จะฟอกสีได้หรือไม่ หากมีผมเล็กมากหรือประสบปัญหาผมชี้ฟู เช่น ผมชี้ฟู แห้งเสีย และขาดหลุดร่วง อาจต้องบำรุงเส้นผมก่อนเพื่อเพิ่มความแข็งแรงให้กับเส้นผมค่ะ

เตรียมสิ่งของที่จำเป็นต้องใช้

ก่อนที่จะเริ่มใช้น้ำยากัดสีผม เพื่อน ๆ ควรเตรียมอุปกรณ์เหล่านี้ไว้ข้างกายค่ะ เช่น ถุงมือ แปรงลงสี ถ้วยผสมสีที่ไม่ใช่โลหะ น้ำยาฟอกสีผมที่เลือกได้ เสื้อยืดเก่า ๆ หรือไม่ใช้แล้ว ผ้าเช็ดตัว กิ๊บติดผม และแชมพู  

พร้อมสำหรับการฟอกสีผม

เริ่มจากทาออยล์บริเวณใกล้เคียงกับใบหน้าอย่างคอและหู เพื่อไม่ให้สีติดผิวหนัง จากนั้นผสมน้ำยาฟอกผมและดีเวลลอปเปอร์ให้เข้ากันในปริมาณที่เหมาะสม แบ่งผมออกเป็นสี่ส่วน ชโลมลงบนผม โดยเริ่มจากปลายผม และเว้นโคนผมไว้เพื่อไม่ให้น้ำยาโดนหนังศีรษะ เมื่อได้ระดับตามที่ต้องการแล้ว ล้างออกด้วยน้ำสะอาด 

วิธีดูแลผมหลังกัดสีผม 

ผมที่ผ่านการกัดสีผมจำเป็นต้องได้รับการดูแลที่มากขึ้น เนื่องจากการฟอกสีผมส่งผลกระทบต่อโครงสร้างเส้นผม ทำให้ผมมีรูพรุนมากขึ้น เส้นผมที่มีรูพรุนจะทำให้ผมแห้งและมีแนวโน้มที่จะเกิดผมแตกปลาย หากไม่ได้รับการดูแลที่เหมาะสมจะทำให้ผมเสียมากขึ้น อย่างไรก็ตาม วิธีดูแลผมหลังกัดสีผมทำได้ไม่ยากเลยค่ะ เพื่อน ๆ สามารถทำตามขั้นตอนง่าย ๆ ดังต่อไปนี้

  1. เว้นระยะการสระผม

ทุกครั้งที่สระผมถือเป็นการชะล้างสีและน้ำมันธรรมชาติในเส้นผมออกไป จึงควรสระผม 3 ครั้ง/สัปดาห์ เพื่อล็อกสีผม หลังจากกัดสีผม ไม่ควรให้ผมโดนน้ำเป็นเวลาอย่างน้อย 48 ชั่วโมง 

  1. สระผมด้วยแชมพูม่วง 

แชมพูม่วงเป็นผลิตภัณฑ์สำหรับผมทำสี ช่วยลดเม็ดสีเหลืองในเส้นผม เนื่องจากคนที่ทำสีผมสีสว่างอย่างผมบลอนด์ ผมจะเฝดสีกลายเป็นสีเหลืองมากขึ้นเมื่อโดนแสงแดด การใช้แชมพูม่วงจะช่วยปรับสีผมให้ดูเงางามอย่างเป็นธรรมชาติและคงสีผมให้ติดทนนาน 

  1. ใช้น้ำเย็นสระผม

การสระผมด้วยน้ำเย็นจะทำให้ผมสุขภาพดีขึ้น หากใช้น้ำอุณหภูมิสูงในการสระผมจะทำให้เกล็ดผมถูกเปิดออกมา สีผมถูกชะล้างและจางลงในที่สุด เมื่อสระผมเสร็จควรซับเบา ๆ จนกว่าผมจะแห้งเพื่อป้องกันไม่ให้เส้นผมเสียหาย 

  1. พักเส้นผมจากอุปกรณ์แต่งผม

หลังจากกัดสีผม ผมจะอยู่ในสภาพที่ขาดน้ำ การใช้อุปกรณ์ทำผมที่ใช้ความร้อนจะทำให้เส้นผมเครียดมากขึ้น จึงควรใช้ไดร์เป่าผมในอุณหภูมิเบอร์ต่ำสุด หรือใช้สเปรย์กันความร้อนก่อนหนีบผมหรือไดร์ผม

  1. หลีกเลี่ยงคลอรีน

คลอรีนเป็นสารที่อยู่ในสระว่ายน้ำ เป็นอีกหนึ่งในสาเหตุที่กระตุ้นให้ผมจางลง หากเพื่อน ๆ ต้องการลงเล่นน้ำในสระว่ายน้ำ ควรบำรุงด้วยครีมนวดผมแบบไม่ต้องล้างออกก่อนลงน้ำ 

  1. ตัดแต่งปลายผมเป็นประจำ

หมั่นตัดปลายผมที่เสียหรือสีเฝดทิ้ง เพื่อป้องกันไม่ให้ผมแตกปลายและกำจัดปอยผมชี้ฟู  

คำถามที่พบบ่อย

น้ำยากัดสีผม ดีไหม?

น้ำยากัดสีผม ดีในเรื่องเปลี่ยนสีผม เป็นไอเทมยอดเยี่ยมในการเปลี่ยนลุคใหม่ด้วยสีผมที่สว่างขึ้น โดยขจัดสีผมเดิมออกให้หมด โดยการควบคุมเม็ดสีเมลานินในแกนผม ทำให้ได้สีผมที่อ่อนกว่า จากนั้นจึงทำสีผมด้วยเฉดสีอื่นได้ โดยอาจทำไฮไลท์ บาลายาจ ออมเบร หรือเทคนิคทำสีผมอื่น ๆ ได้ตามใจชอบ จึงดีต่อการเปลี่ยนสีผมในแบบของตนเอง 

น้ำยากัดสีผม ราคากี่บาท?

น้ำยากัดสีผม ราคาเริ่มต้นที่ 28 บาท เป็นขนาดซองที่หาซื้อได้ตามร้านค้าทั่วไป 

หลังกัดสีผม ห้ามทําอะไรบ้าง?

หลังกัดสีผม ห้ามจัดแต่งทรงผมด้วยความร้อน หลังจากการฟอกสี ผมจะมีความแห้งเป็นพิเศษ เสี่ยงต่อความเสียหายจากการจัดแต่งทรงด้วยความร้อน จึงควรหลีกเลี่ยงการเป่าผม ม้วนผม หรือยืดผม 

น้ำยากัดสีผม ยี่ห้อไหนดี ไม่ทําให้ผมเสีย?

น้ำยากัดสีผม ผมไม่เสียหรือเสียน้อยมากๆ มิสซี่แนะนำของ NIGAO Bleaching Cream Maxx Light Deluxe / L’oreal Excellence Bleach Supreme / Schwarzkopf Blondme Bond Enforcing Premium Lightener 9+ / Wella Professionals Blondor Multi-Blonde Powder เลยค่ะ กลุ่มนี้คือแบรนด์ดัง ผู้ใช้หลายท่านการันตีความปังมาแล้วทั้งนั้น เพื่อนๆ ที่กลัวผมเสียลองเลือกดูได้เลยค่ะ

โดยสรุปแล้ว การเลือกน้ำยาฟอกสีผมที่เหมาะสมเป็นสิ่งสำคัญสำหรับสาว ๆ หากต้องการสีผมที่สวยงามโดยที่ยังคงรักษาสุขภาพของเส้นผม จึงควรเลือกน้ำยาที่มีสูตรช่วยลดความเสียหายต่อเส้นผม และควรปฏิบัติตามคำแนะนำด้วยนะคะ

จบกันไปแล้วสำหรับ รีวิว น้ำยากัดสีผม ยี่ห้อไหนดี สำหรับบรรดาแบรนด์ต่างๆที่มิสซี่ได้เลือกมาวันนี้ หวังว่าจะถูกใจเพื่อน ๆ มากนะคะ อย่างไรก็ตาม อย่าลืมใส่ถุงมือและเตรียมอุปกรณ์ให้พร้อมก่อนทำการฟอกผม  และทำการทดสอบอาการแพ้ทุกครั้งก่อนใช้ผลิตภัณฑ์ หากเพื่อน ๆ ใช้แล้วเกิดอาการแพ้รุนแรง ควรหยุดใช้แล้วรีบพบแพทย์โดยทันที 

อ้างอิง

https://www.healthline.com/health/hydrogen-peroxide-hair#side-effects-and-precautions

https://www.healthline.com/health/beauty-skin-care/how-to-hydrate-hair-after-bleaching

https://bellatory.com/hair/Choosing-the-best-hair-bleach

https://www.harpersbazaar.com/beauty/hair/a32110293/how-to-bleach-hair/

https://secretspa.co.uk/how-to-care-for-bleached-and-dyed-hair/

Chalita Chamnanmueang

Chalita Chamnanmueang

เบสท์จบการศึกษาจากคณะศิลปศาสตร์ สาขาวิชาภาษาอังกฤษ มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ ปัจจุบันเป็น Editor และ Content writer ประจำ Mizzyreview มีประสบการณ์เขียน copywriting, แปลบทความอังกฤษ-ไทย และรับผิดชอบตรวจสอบเนื้อหา และตีพิมพ์บทความผ่าน WordPress คอยอัปเดตเนื้อหาหลายๆ ด้าน ทั้งบิวตี้ไอเทม สกินแคร์ อาหารเสริม และเทคโนโลยีต่างๆ ให้สาวๆ ได้เข้าถึงทุกเทรนด์ ทุกไอเทมเด็ดกันค่ะ