สวัสดีค่าาา พบกันอีกครั้งในวันนี้กับมิสซี่ที่พร้อมนำสาระน่ารู้มาฝากเพื่อน ๆ อีกเช่นเคย ในสภาวะมลพิษที่เกิดขึ้นในปัจจุบันนี้ เพื่อน ๆ คนไหนประสบปัญหาขับรถยนต์ส่วนตัวแล้วได้กลิ่นเหม็นอับ บางครั้งเปิดกระจกแล้วมีกลิ่นหรือควันแปลก ๆ เข้ามาจนรู้สึกเวียนหัวเกินจะทนไหว หากเพื่อน ๆ กำลังประสบกับปัญหาเหล่านี้ แปลว่าถึงเวลาแล้วที่เพื่อน ๆ ต้องหันมาใช้เครื่องฟอกอากาศบนรถค่ะ
ในบางครั้ง หลายคนอาจคิดว่าแค่ฝุ่นในรถ นำรถไปเข้าคาร์แคร์เดี๋ยวก็สะอาดแล้ว แต่เพื่อน ๆ ทราบไหมคะว่าฝุ่นสามารถทำลายระบบทางเดินหายใจของมนุษย์ได้แบบที่เราไม่ทันตั้งตัวเลยนะคะ หากทิ้งไว้นาน ๆ ก็อาจทำลายเนื้อเยื่อปอดได้
ปัญหาดังกล่าว ทำให้ผู้คนหันมาใช้เครื่องฟอกอากาศในรถยนต์ค่ะ ส่วนใหญ่มักเป็นอุปกรณ์ที่มีรูปทรงขนาดใกล้เคียงกับขวดน้ำ สามารถวางตรงช่องใส่ขวดน้ำได้พอดี ทำหน้าที่ฟอกอากาศในรถและปล่อยอากาศบริสุทธิ์กลับเข้ามาในอากาศ ทำให้อากาศในรถมีความสดชื่น กลิ่นอับน้อยลงค่ะ
สำหรับเพื่อน ๆ ที่กำลังอ่านรีวิว air purifier ในรถยนต์อยู่ อาจยังไม่มั่นใจว่าจะเลือกซื้อเครื่องฟอกอากาศในรถยนต์ ยี่ห้อไหนดี หรือจะใช้เครื่องกรองฝุ่นในรถรุ่นไหนให้เหมาะสมกับรถของตนเอง ในวันนี้มิสซี่มีเครื่องฟอกอากาศในรถยนต์หลากหลายแบรนด์มาแนะนำ หากพร้อมแล้ว ไปเริ่มกันเลยค่า
TOP 3 เครื่องฟอกอากาศในรถยนต์ที่ดีที่สุด
#1 CONOCO C6 PRO
ราคา 3,990 บาท
#2 Clair LINE FRIENDS BROWN
ราคา 3,550 บาท
#3 Sharp IG-GC2B
ราคา 3,999 บาท
มาทำความรู้จักกับเครื่องฟอกอากาศในรถยนต์
car air purifier คือ เครื่องฟอกอากาศสำหรับรถยนต์ เป็นอุปกรณ์ที่ออกแบบมาเพื่อปรับปรุงคุณภาพอากาศในรถยนต์ มีคุณสมบัติช่วยกำจัดไรฝุ่น มลพิษ ควัน และสิ่งระคายเคืองซึ่งเป็นอนุภาคที่เป็นอันตรายออกมาจากห้องโดยสาร ป้องกันไม่ให้ผู้โดยสารในรถสูดดมเข้าไป เครื่องฟอกอากาศในรถยนต์ทำงานโดยใช้เทคโนโลยีการกรองต่าง ๆ เช่น ตัวกรอง HEPA ตัวกรองถ่านกัมมันต์ และไอออไนเซอร์ เพื่อดักจับและกำจัดอนุภาคที่เป็นอันตรายและโมเลกุลของกลิ่นในอากาศ
เครื่องฟอกอากาศในรถยนต์ มักมีขนาดเล็กกะทัดรัด ง่ายต่อการติดตั้ง และใช้งาน สามารถเสียบเข้ากับที่จุดบุหรี่หรือพอร์ต USB พร้อมกับการตั้งค่าต่าง ๆ เพื่อควบคุมระดับการฟอกอากาศ
โดยรวมแล้ว เครื่องฟอกอากาศในรถยนต์สามารถช่วยเสริมสร้างสุขภาพระบบทางเดินหายใจที่ดีค่ะ ทำให้อากาศในรถสะอาดและน่านั่งยิ่งขึ้น เป็นอุปกรณ์ที่จำเป็นอย่างมากโดยเฉพาะผู้ที่เป็นโรคภูมิแพ้หรือโรคหอบหืด นอกจากนี้ยังช่วยขจัดกลิ่นไม่พึงประสงค์ ควัน ขนสัตว์และมลพิษ ทำให้ขับรถได้อย่างสะดวกสบาย
ไส้กรองอากาศในรถ มีกี่แบบ?
มีตัวกรองอากาศหลายประเภทที่ใช้กันทั่วไปในเครื่องฟอกอากาศในรถยนต์ โดยที่ใช้งานกันบ่อยสุด ได้แก่
ตัวกรอง Pre-filter
ตัวกรองขั้นต้น ทำหน้าที่เสมือนเป็น “ผู้เฝ้าประตู” ตัวกรองขั้นต้นจะป้องกันเศษขยะในอากาศขนาดใหญ่ เช่น ขนสัตว์เลี้ยง เส้นผม และฝุ่นไม่ให้เข้าไปในเครื่องฟอกอากาศ ซึ่งอาจอุดตันตัวกรอง HEPA ที่บอบบางได้ ตัวกรองชนิดนี้ช่วยยืดอายุการใช้งานของแผ่นกรอง HEPA ได้อย่างมาก
แผ่นกรอง Hepa
เป็นแผ่นกรองอากาศที่ใช้กันทั่วไป มีประสิทธิภาพในการดักจับอนุภาค อนุภาคขนาดเล็ก รวมถึงฝุ่น ละอองเกสรดอกไม้ และสารก่อภูมิแพ้อื่นๆ แผ่นกรองเหล่านี้สามารถดักจับอนุภาคขนาดเล็กถึง 0.3 ไมครอน ทำให้เป็นตัวเลือกยอดนิยมสำหรับเครื่องฟอกอากาศในรถยนต์
ไส้กรองถ่านกัมมันต์
ออกแบบมาเพื่อดูดซับและดักจับกลิ่นรวมถึงสาร VOCs เช่น ควันไอเสีย ควันบุหรี่ รวมถึงกลิ่นไม่พึงประสงค์ที่มาจากข้างนอกรถ ตัวกรองชนิดนี้มีพื้นที่ผิวขนาดใหญ่ที่สามารถดูดซับมลพิษได้ เมื่อดักจับและผ่านกระบวนการดูดซับ ตัวมลพิษจะติดอยู่ที่พื้นผิวของอะตอมของถ่านกัมมันต์ภายในตัวกรอง เทคโนโลยีถ่านกัมมันต์จึงมักใช้ในระบบกรองน้ำเช่นกัน
ประจุไอออนลบ
ตัวกรองไฟฟ้าสถิตใช้ประจุไฟฟ้าเพื่อดักจับมลพิษ เช่น ฝุ่นและสารก่อภูมิแพ้ ตัวกรองเหล่านี้ทำจากเส้นใยสังเคราะห์ที่มีประจุไฟฟ้าสถิต ซึ่งจะดึงดูดและดักจับอนุภาคเมื่อผ่านตัวกรอง
ตัวกรอง UV-C
ตัวกรอง UV-C หรือตัวกรองรังสีอัลตราไวโอเลต-ซี (UV-C) ใช้แสง UV-C เพื่อฆ่าแบคทีเรียและไวรัสที่อาจมีอยู่ในอากาศ ตัวกรองเหล่านี้มักใช้ร่วมกับตัวกรองประเภทอื่นเพื่อการฟอกอากาศครอบคลุมทุกพื้นที่
ตัวกรอง TiO2
ตัวกรองไททาเนียมออกไซด์ สามารถสลายสารประกอบอินทรีย์ด้วยปฏิกิริยาออกซิเดชัน ตัวกรองถูกเคลือบด้วย TiO2 จะทำปฏิกิริยากับแสง สามารถทำลาย VOCs และกำจัดกลิ่นในอากาศ นอกจากนี้ TiO2 ยังมีความสามารถในการฆ่าเชื้อโรคในอากาศ
จากข้างบน เป็นไส้กรองอากาศที่ใช้กันทั่วไปหรือนิยมใช้กันในเครื่องฟอกอากาศในรถยนต์ค่ะ
ประโยชน์ของเครื่องฟอกอากาศในรถ
1. กำจัดสารก่อภูมิแพ้ในรถยนต์
ฝุ่นละอองในรถยนต์สามารถกระตุ้นให้เกิดอาการแพ้ได้ และจะรุนแรงขึ้นหากมีเด็กและผู้สูงอายุร่วมเดินทาง เครื่องฟอกอากาศจะช่วยให้อากาศในห้องโดยสารสะอาดขึ้นและปราศจากสารก่อภูมิแพ้ เครื่องฟอกอากาศส่วนใหญ่มักเป็นเครื่องฟอกอากาศ hepa filter ซึ่งสามารถกำจัดฝุ่นละอองได้ 99% รวมถึง PM 2.5
2. ขจัดกลิ่นไม่พึงประสงค์
กลิ่นของสาร VOCs เกิดจากการขับขี่ยานพาหนะ โดยอาจปล่อยออกมาจากท่อไอเสียและอาจปล่อยผ่านสารเคมีภายในรถ ผู้คนส่วนใหญ่มักใช้เวลาหลายชั่วโมงในหนึ่งวันภายในรถซึ่งมีขนาดพื้นที่จำกัด ทำให้มลพิษในรถอาจมีปริมาณสูงกว่าที่อื่น นอกจากนั้น กลิ่นบุหรี่อาจทำให้คุณภาพอากาศภายในห้องโดยสารแย่ลงไปอีกค่ะ การใช้เครื่องฟอกอากาศจะช่วยกำจัดกลิ่นบุหรี่ กลิ่นสารเคมี และกลิ่นไม่พึงประสงค์อื่น ๆ ที่อยู่ในรถ ทำให้บรรยากาศในรถดีขึ้นและรู้สึกสดชื่นยิ่งขึ้นค่ะ
3. กำจัดขนสัตว์
สำหรับเพื่อน ๆ ที่เดินทางพร้อมสัตว์เลี้ยง ควรใช้เครื่องฟอกอากาศดูดขนแมวและขนสัตว์ชนิดอื่น ๆ เพราะทุกครั้งที่สัตว์เลี้ยงเข้ามาในรถ มักจะผลัดผิวหนังที่ตายแล้ว และเส้นขน ซึ่งเพิ่มมลพิษในห้องโดยสาร การใช้เครื่องฟอกอากาศช่วยเรื่องขนแมวจะทำให้ห้องโดยสารมีสารก่อภูมิแพ้น้อยลง
4. ช่วยลดคาร์บอนไดออกไซด์
เมื่อต้องเดินทางเป็นเวลานาน ภายในรถยนต์จะเต็มไปด้วยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ส่วนเกินที่หายใจออกมา การอยู่ในสภาพแวดล้อมเช่นนี้เป็นเวลานานอาจทำให้ปวดศีรษะ คลื่นไส้ หายใจไม่อิ่ม การใช้เครื่องฟอกอากาศในรถยนต์ hepa filter จะช่วยฟอกอากาศให้สะอาดขึ้น ทำให้อากาศหมุนเวียนภายในรถมีความสมดุล และหายใจได้ดียิ่งขึ้น
5. กำจัดมลพิษภายในรถยนต์
ทุกครั้งที่ลดกระจกลง มลพิษภายนอกจะเข้ามาในห้องโดยสาร อาจส่งผลกระทบให้เกิดอาการแพ้ไปจนถึงปัญหาระบบทางเดินหายใจ เครื่องฟอกอากาศภายในรถยนต์จะช่วยกักมลพิษไว้ในแผ่นกรอง
จะเลือกซื้อ เครื่องฟอกอากาศในรถยนต์ ยี่ห้อไหนดี 2566
1. เครื่องฟอกอากาศในรถยนต์ โดยรวมดีที่สุด : CONOCO C6 PRO
ราคา 3,990 บาท
ข้อดี
+ มีเซนเซอร์แสดงสถานะ
+ เครื่องเล็กพกพาสะดวก
+ ปรับวางได้หลายตำแหน่ง
ข้อควรพิจารณา
– ต้องเปลี่ยนไส้กรองเรื่อย ๆ
เครื่องฟอกอากาศในรถยนต์ conoco เป็นเครื่องฟอกอากาศพกพา สามารถใช้ฟอกอากาศในรถได้อย่างมีประสิทธิภาพด้วยเซนเซอร์แสดงสถานะมลพิษโดยไฟแสดงสถานะ ใช้ไส้กรองมาตรฐาน hepa h13 ช่วยกรองฝุ่นพิษ pm 2.5 สารก่อภูมิแพ้ เชื้อโรค รวมถึงกลิ่นไม่พึงประสงค์
นอกจากนี้ ยังมีระบบแจ้งตือนเมื่อต้องเปลี่ยนไส้กรอง สามารถเปลี่ยนไส้กรองได้รวดเร็ว ทำให้อากาศในรถมีคุณภาพอยู่เสมอ สำหรับเพื่อน ๆ ที่กำลังเลือกซื้อ เครื่องฟอกอากาศในรถยนต์ ยี่ห้อไหนดี มิสซี่เชียร์รุ่นนี้ค่ะ เครื่องฟอกอากาศ ราคาไม่เกิน 5000 แต่คุณภาพในการฟอกอากาศทำได้ดีเยี่ยมเลยทีเดียวค่ะ
จุดเด่น / ฟังก์ชัน | – มีเซนเซอร์แสดงสถานะมลพิษ – ช่วยดูดซับก๊าซ TVOC – ระดับเสียงเบาเพียง 40-50 เดซิเบล – น้ำหนักเบา 0.6 กิโลกรัม |
ขนาด | 33 x 20 x 50 cm |
ไส้กรอง | HEPA Filter 3M |
พื้นที่ครอบคลุม | พื้นที่ขนาด 21-30 ลูกบาศก์เมตร |
ประกัน | 1 ปี |
2. เครื่องฟอกอากาศภายในรถยนต์ที่ดีที่สุด : Clair LINE FRIENDS BROWN
ราคา 3,550 บาท
ข้อดี
+ ผ่นกรองใช้งานได้นาน
+ ช่วยดับกลิ่นเหม็น
+ ดีไซน์น่ารักมาก
ข้อควรพิจารณา
– ไม่มีแบตเตอรี่ในตัว
เครื่องฟอกอากาศ Clair แบรนด์เกาหลี รูปทรงสวยงามมาพร้อมกับตัวละครหมีบราวน์สุดน่ารัก มีประสิทธิภาพในการกำจัดอนุภาคที่เป็นอันตรายออกจากอากาศด้วยการกรอง 4 ขั้นตอน ตั้งแต่ pre-filter แผ่นกรอง HEPA เพื่อดักจับอนุภาคขนาดเล็กในอากาศ รวมถึงฝุ่น ละอองเกสร แผ่นกรองถ่านกัมมันต์เพื่อดักจับควัน และมีไฟ LED ในการฆ่าเชื้อโรคค่ะ
เป็นเครื่องฟอกอากาศ ใช้งานง่าย พัดลมฟอกอากาศทำงานเงียบ ไม่รบกวนให้เสียสมธิในการขับรถ แผ่นกรองมีอายุใช้งานยาวนานค่ะ สำหรับเพื่อน ๆ ที่กำลังมองหา เครื่องฟอกอากาศในรถยนต์ ยี่ห้อไหนดี คุณภาพเกินราคาค่าา
จุดเด่น / ฟังก์ชัน | – ระบบกรอง 4 ขั้นตอน – ไฟ LED ในการฆ่าเชื้อโรค – มอเตอร์ BLDC ประสิทธิภาพสูง |
ขนาด | 70 x 70 x 196 mm |
ไส้กรอง | แผ่นกรองขั้นต้น HEPA Filter แผ่นกรองถ่านกัมมันต์ ฆ่าเชื้อด้วยไฟ LED |
พื้นที่ครอบคลุม | พื้นที่ขนาด 5 ตารางเมตร |
ประกัน | 1 ปี |
3. เครื่องกรองอากาศรถยนต์ที่ดีที่สุด : Sharp IG-GC2B
ราคา 3,999 บาท
ข้อดี
+ ได้รับการรับรองจากสถาบันโรคภูมิแพ้ประเทศอังกฤษ
+ ใช้งานสะดวก
+ ดีไซน์สวย
ข้อควรพิจารณา
– เสียงแรงลมระดับ 3 ค่อนข้างดัง
สำหรับเพื่อน ๆ ที่ยังไม่มั่นใจว่าควรซื้อเครื่องฟอกอากาศ sharp รุ่นไหนดี ต้องไม่พลาดรุ่นนี้ค่ะ เครื่องฟอกอากาศในรถยนต์ sharp มาพร้อมกับเทคโนโลยีพลาสม่าคลัสเตอร์ที่สามารถฟอกอากาศได้อย่างมีประสิทธิภาพสูงสุด มีคุณสมบัติในการกำจัดฝุ่น ควัน กลิ่นบุหรี่ เชื้อไวรัสแบคทีเรีย รวมถึงสารก่อภูมิแพ้ในรถ โดยปล่อยอนุภาคประจุบวกและลบเข้าสู่ชั้นบรรยากาศมากขึ้นถึง 2 เท่า จึงดักจับเชื้อราและไวรัสได้ดี นอกจากนี้ ยังได้รับการทดสอบว่าเป็นเครื่องฟอกอากาศฆ่าไวรัสไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่ H1N1 ได้จริงด้วยนะคะ
เครื่องฟอกอากาศ sharp ในรถยนต์ ดีไซน์รูปทรงแก้วน้ำ เงางาม สะดวกต่อการใช้งานในรถยนต์ น้ำหนักเบา ชาร์จได้สะดวก มี Adapter สำหรับเชื่อมต่อในรถยนต์ อนุภาคไฟฟ้าพลาสม่าคลัสเตอร์ใช้งานได้ยาวนาน สำหรับเพื่อน ๆ ที่ยังไม่มั่นใจว่าควรเลือก เครื่องฟอกอากาศในรถยนต์ ยี่ห้อไหนดี มิสซี่แนะนำ air purifier พกพาตัวนี้เลยค่า
จุดเด่น / ฟังก์ชัน | – ดักจับไวรัสในอากาศได้อย่างมีประสิทธิภาพ – ฆ่าเชื้อ H1N1 ได้จริง – ปรับพัดลมได้ 3 ระดับ – ใช้งานได้ประมาณ 6 ปี หากเปิดใช้งานวันละ 8 ชั่วโมง – ระบบปิดอัตโนมัติหลังจากเปิดเครื่อง 8 ชั่วโมง |
ขนาด | 16.2 x 16.5 x 7.4 cm |
ไส้กรอง | HEPA Filter |
พื้นที่ครอบคลุม | พื้นที่ขนาด 3.6 ตารางเมตร |
ประกัน | 1 ปี |
4. เครื่องกรองอากาศในรถยนต์ พกพาสะดวกที่ดีที่สุด : Bwell เครื่องฟอกอากาศพกพา รุ่น G8
ราคา 2,990 บาท
ข้อดี
+ เสียงเบา ไม่รบกวนการขับรถ
+ ประหยัดพลังงาน
+ น้ำหนักเบา พกพาสะดวก
ข้อควรพิจารณา
– ลมค่อนข้างเบา
หากเพื่อน ๆ กำลังมองหาที่ฟอกอากาศในรถยนต์ ขนาดกะทัดรัด มีหูหิ้วสำหรับพกพา และใช้กรองอากาศในรถได้ อย่าเลื่อนเพิ่งเลื่อนผ่านไปค่ะ! เครื่องฟอกอากาศในรถยนต์ bwell เป็นเครื่องฟอกอากาศขนาดเล็ก แต่อัดแน่นไปด้วยคุณสมบัติในการฟอกอากาศรถยนต์ มิสซี่ชอบตรงที่เครื่องฟอกอากาศสําหรับภูมิแพ้ตัวนี้ดีไซน์ออกมาให้วางในที่วางแก้วน้ำในรถได้พอดี มาพร้อมกับแบตเตอรี่ในตัวและสายชาร์จ ตอบโจทย์การใช้งานในรถได้มากค่ะ
bwell เครื่องฟอกอากาศในรถยนต์ ใช้แผ่นกรอง Pre-filter เพื่อดักจับอนุภาคขนาดใหญ่ และแผ่นกรอง Hepa ที่ช่วยดักจับอนุภาคขนาดเล็ก พร้อมทั้งแผ่นกรองคาร์บอนในการดับกลิ่น นอกจากนี้ยังเป็นเครื่องฟอกอากาศฆ่าเชื้อโรคด้วย UV ทำให้อากาศในรถสะอาดมากยิ่งขึ้นและสูดอากาศได้สดชื่นยิ่งขึ้น
เพื่อน ๆ ที่กำลังต้องการเครื่องฟอกอากาศราคาถูก พกพาสะดวก แต่ยังไม่มั่นใจว่าจะเลือกซื้อ เครื่องฟอกอากาศในรถยนต์ ยี่ห้อไหนดี มิสซี่เชียร์ให้เลือกเครื่องฟอกอากาศในรถ bwell ตัวนี้เลยค่า เครื่องฟอกอากาศพกพา คุณภาพเกินราคาค่าาา
จุดเด่น / ฟังก์ชัน | – มี UV ฆ่าเชื้อโรคและแบคทีเรีย – ชาร์จไฟ 1.5 ชั่วโมง / ใช้งาน 4 ชั่วโมง – ระดับเสียงเบาเพียง 28-45 เดซิเบล – น้ำหนักเบา 0.3 กิโลกรัม |
ขนาด | 180×75 mm |
ไส้กรอง | Pre-filter, HEPA Filter, Carbon |
พื้นที่ครอบคลุม | พื้นที่ขนาด 3 ตารางเมตร |
ประกัน | 12 เดือน |
5. ที่ฟอกอากาศในรถ ฆ่าไวรัสและแบคทีเรียที่ดีที่สุด : Philips GoPURE S3000
ราคา 3,500 บาท
ข้อดี
+ ติดตั้งสะดวก
+ ปลอดภัยต่อการใช้งาน
+ มี UVC ฆ่าเชื้อโรค
ข้อควรพิจารณา
– ราคาค่อนข้างสูง
เครื่องฟอกอากาศ philips เป็นเครื่องฟอกอากาศขนาดเล็กที่ทันสมัย ออกแบบมาเพื่อการใช้เพื่อ air cleaner รถยนต์ ติดตั้งง่าย เพียงต่อกับสายไฟที่ช่องจุดบุหรี่เพื่อเปิดเครื่องใช้งาน มีแผ่นกรอง HEPA สามารถดักจับอนุภาคขนาดเล็กได้เป็นอย่างดี
นอกจากนี้ philips เครื่องฟอกอากาศยังมีเทคโนโลยี UVC สามารถกำจัดไวรัสและแบคทีเรียได้ 99.99% ภายใน 5 นาที ปลอดภัยต่อการใช้งาน มีการป้องกันการรั่วซึมของรังสี UV ปรอท และโอโซนขณะที่เครื่องกำลังทำงาน จึงมั่นใจในเรื่องความปลอดภัยและการดักจับไวรัสและแบคทีเรียได้เลยค่า
เป็นเครื่องฟอกอากาศฆ่าเชื้อไวรัสที่ตอบโจทย์การใช้งานในรถได้ดี มีโหมดเงียบ ไม่รบกวนสมาธิคนขับ มีปุ่มควบคุมง่ายๆ เพียงปุ่มเดียวสำหรับเปิดและปิด พร้อมไฟแสดงสถานะของตัวกรองที่จะช่วยแจ้งให้ทราบเมื่อถึงเวลาเปลี่ยนแผ่นกรองค่ะ สำหรับเพื่อน ๆ ที่ยังไม่มั่นใจว่าควรใช้ เครื่องฟอกอากาศในรถยนต์ ยี่ห้อไหนดี มิสซี่แนะนำเครื่องฟอกอากาศในรถยนต์ Philips รุ่นนี้เลยค่า
จุดเด่น / ฟังก์ชัน | – กำจัดไวรัสภายใน 5 นาที – มีไฟแสดงสถานะแผ่นกรอง – เทคโนโลยี LED ไม่มีโอโซนและปรอทที่เป็นพิษ |
ขนาด | 166 x 76 x 76 มม |
ไส้กรอง | HEPA Filter |
พื้นที่ครอบคลุม | พื้นที่ขนาดไม่เกิน 7 ตารางเมตร |
ประกัน | 1 ปี |
6. เครื่องฟอกอากาศ PM 2.5 ในรถที่ดีที่สุด : Gmax AP-001
ราคา 749 บาท
ข้อดี
+ ประหยัดพลังงาน
+ ขนาดกะทัดรัด
+ ไส้กรอง HEPA กรองฝุ่นดี
ข้อควรพิจารณา
– ห้ามล้างเครื่องโดยตรง
เครื่องฟอกอากาศ pm 2.5 จากแบรนด์ GMAX ขนาดกะทัดรัดพกพาสะดวก สามารถใช้ได้ทั้งในรถ และโต๊ะทำงาน เครื่องฟอกอากาศภูมิแพ้รุ่นนี้ช่วยฟอกอากาศในรถได้อย่างมีประสิทธิภาพได้ถึง 360 องศา และมีการกรองด้วย Pre-filter และใช้แผ่นกรอง Hepa สามารถกำจัดฝุ่น มลพิษ เชื้อรา ละอองเกสร และสารก่อภูมิแพ้ออกจากอากาศได้ 99.97% รวมถึงดูดซับกลิ่นไม่พึงประสงค์ออกจากรถ
เป็นเครื่องฟอกอากาศราคาไม่แพง ใช้งานสะดวกมากค่ะ ตัวเครื่องจะปิดการทำงานอัติโนมัติเมื่อดับเครื่องยนต์ อีกทั้งยังเปลี่ยนไส้กรองง่าย ๆ เพียงเปิดฝาด้านบน ดึงไส้กรองอันเก่าขึ้นและเปลี่ยนเป็นไส้กรองอันใหม่ทุก 3-6 เดือนได้เลยค่ะ เพื่อน ๆ ที่ยังลังเลว่าจะซื้อ เครื่องฟอกอากาศในรถยนต์ ยี่ห้อไหนดี มิสซี่เชียร์ให้ใช้เครื่องกรองอากาศพกพารุ่นนี้ค่าา
จุดเด่น / ฟังก์ชัน | – หยุดทำงานอัตโนมัติเมื่อดับเครื่องยนต์ – ไส้กรอง hepa ใช้งานได้นาน – เสียงรบกวนต่ำกว่า 40 เดซิเบล – มีหน้าจอแสดงผลค่า PM2.5 |
ขนาด | 16.5 x 16.5 x 4.7 cm |
ไส้กรอง | HEPA Filter |
พื้นที่ครอบคลุม | พื้นที่ขนาด 10 – 15 ตารางเมตร |
ประกัน | 1 ปี |
7. เครื่องฟอกในรถ ดับกลิ่นที่ดีที่สุด : Artex Car Air Purifier
ราคา 790 บาท
ข้อดี
+ ฟอกอากาศได้สูงสุด 6 ชั่วโมง
+ ราคาไม่แพง
+ มีช่องสำหรับน้ำมันหอมระเหย
ข้อควรพิจารณา
– ถอดไส้กรองค่อนข้างยาก
เครื่องฟอกอากาศรถยนต์ Artex รูปทรงกะทัดรัด มีสไตล์ ดูเรียบง่าย สามารถวางในที่วางแก้วได้พอดี พัดลมทำงาน 2 ระดับ รูปทรงใบพัดถูกออกแบบมาให้กระจายอากาศได้ทุกทิศทาง จึงสามารถกรองอากาศในรถได้อย่างรวดเร็วค่ะ เครื่องฟอกอากาศ mini รุ่นนี้มี hepa filter กรองไวรัส มีคุณสมบัติในการกรองฝุ่นละออง ไวรัสแบคทีเรีย สามารถดูดซับก๊าซอันตรายรวมถึงกลิ่นเหม็นได้
นอกจากนี้ยังมีช่องสำหรับหยอดน้ำมันหอมระเหยให้เพื่อน ๆ เติมแต่งบรรยากาศการเดินทางให้สดชื่นมากยิ่งขึ้น เป็นเครื่องฟอกอากาศที่ใช้งานสะดวกค่ะ เพราะมีแบตเตอรี่ในตัวด้วยจึงไม่ต้องเสียบสายชาร์จขณะทำงานเลยค่ะ สำหรับเพื่อน ๆ ที่อยากได้เครื่องฟอกอากาศพกพาราคาถูกมาใช้ฟอกอากาศในรถ แต่ยังไม่มั่นใจว่าจะเลือก เครื่องฟอกอากาศในรถยนต์ ยี่ห้อไหนดี มิสซี่แนะนำรุ่นนี้ค่าา
จุดเด่น / ฟังก์ชัน | – มีช่องสำหรับหยอดน้ำหอม – ฟอกอากาศได้ทุกทิศทาง – ใช้งานได้ 3-6 ต่อ 1 รอบชาร์จ |
ขนาด | 68 x 68 x 160 mm |
ไส้กรอง | HEPA, Carbon, Pre-Filter |
พื้นที่ครอบคลุม | พื้นที่ขนาด 10 ตารางเมตร |
ประกัน | 1 ปี |
8. เครื่องฟอกอากาศบนรถ ถูกและดีที่สุด : Eraclean CW02
ราคา 1,918 บาท
ข้อดี
+ ลดกลิ่นอับในรถ
+ ใช้งานได้สูงสุด 12 ชั่วโมง
+ สีสวย ดีไซน์หรู
ข้อควรพิจารณา
– ระดับเสียงรบกวนไม่ได้ต่ำมาก
เครื่องฟอกอากาศ Eraclean CW02 เป็นตัวเลือกที่ยอดเยี่ยมสำหรับคนที่ต้องการปรับปรุงคุณภาพอากาศในรถ มีระบบกรอง 3 ขั้นตอน ช่วยกำจัดสารก่อภูมิแพ้และอนุภาคที่เป็นอันตรายอย่างฝุ่น ควัน เชื้อรา ละอองเกสรดอกไม้ ขนสัตว์ รวมถึงสารก่อภูมิแพ้ออกจากอากาศได้อย่างมีประสิทธิภาพ
เครื่องฟอกอากาศติดรถยนต์รุ่นนี้มีดีไซน์ดูดี เข้ากับคอนโซลรถอย่างลงตัว ใช้งานง่าย เพียงกดปุ่มเปิด เครื่องฟอกในรถก็จะปล่อยไอออนลบออกมาอัตโนมัติ หรือกดปุ่มเปิด-ปิดสองเพียงวินาทีเพื่อปล่อยออกซิเจนออกมาให้อากาศบริสุทธิ์ยิ่งขึ้น เพื่อน ๆ ที่กำลังมองหา เครื่องฟอกอากาศในรถยนต์ ยี่ห้อไหนดี มิสซี่แนะนำเลยค่า
จุดเด่น / ฟังก์ชัน | – มีระบบกรอง 3 ขั้นตอน – ใช้งานสะดวก – เสียงรบกวนน้อยกว่า 50 เดซิเบล |
ขนาด | 79.5 x 79.5 x 176.5 mm |
ไส้กรอง | HEPA Filter |
พื้นที่ครอบคลุม | พื้นที่ขนาด 5 ตารางเมตร |
ประกัน | 1 ปี |
9. ตัวฟอกอากาศในรถ ดับกลิ่นบุหรี่ดีที่สุด : Panasonic รุ่น F-GPT01AKT
ราคา 3,290 บาท
ข้อดี
+ ใช้เทคโนโลยีขั้นสูงในการฟอกอากาศ
+ เหมาะสำหรับคนสูบบุหรี่
+ ลดกลิ่นอับดีมาก
ข้อควรพิจารณา
– ราคาค่อนข้างสูง
เครื่องฟอกอากาศในรถ panasonic ใช้เทคโนโลยีเฉพาะของ panasonic ที่เรียกว่า Nanoe เป็นนวัตกรรมการฟอกอากาศที่เปลี่ยนอนุภาพของน้ำไปเป็นอะตอมไฟฟ้าสถิตขนาดนาโน เพื่อปรับปรุงคุณภาพอากาศในรถ ช่วยดักจับอนุภาพที่ขนาดเล็กกว่า PM 2.5 และสามารถกำจัดแบคทีเรียและเชื้อโรคได้สูงถึง 99.99%
นอกจากนี้ ยังเป็นเครื่องฟอกอากาศดับกลิ่นที่ทำงานได้มีประสิทธิภาพมากค่ะ เพราะเทคโนโลยีนาโนอีช่วยดับกลิ่นไม่พึงประสงค์อย่างกลิ่นบุหรี่ให้หายไปเพียง 1 ชั่วโมง มิสซี่ประทับใจในคุณสมบัติหลายอย่างของเครื่องฟอกอากาศตัวนี้ค่ะ เพื่อน ๆ ที่อยากซื้อ เครื่องฟอกอากาศในรถยนต์ ยี่ห้อไหนดี มิสซี่แนะนำให้เลือกรุ่นนี้ค่า
จุดเด่น / ฟังก์ชัน | – เทคโนโลยี nanoe™X เฉพาะของ Panasonic – ดับกลิ่นไม่พึงประสงค์ได้รวดเร็ว – ช่วยให้เส้นผมและผิวหนังชุ่มชื้นขึ้น |
ขนาด | 7 x 9 x 6.6 cm |
ไส้กรอง | Nanoe |
พื้นที่ครอบคลุม | พื้นที่ขนาด 3 ตารางเมตร |
ประกัน | 1 ปี |
10. เครื่องฟอกอากาศในรถยนต์ ป้องกันฝุ่นที่ดีที่สุด : HAFELE เครื่องฟอกอากาศในรถยนต์
ราคา 3,190 บาท
ข้อดี
+ ป้องกัน PM 2.5
+ ชาร์จได้จากในบ้านและในรถ
+ มีแผ่นกรอง HEPA 2 ชิ้นใน 1 กล่อง
ข้อควรพิจารณา
– วางในช่องใส่ขวดน้ำไม่ได้
hafele เครื่องฟอกอากาศในรถยนต์ ขนาดกะทัดรัด สามารถวางในที่วางแก้วได้ ที่ฟอกอากาศในรถยนต์ตัวนี้ทำงานเงียบมาก จึงไม่รบกวนการขับขี่หรือการสนทนากับผู้โดยสารค่า สามารถดักจับอนุภาพขนาดเล็กในอากาศ เช่น ฝุ่น ควัน และขนสัตว์ได้ 99.3% และยังช่วยย่อยแบคทีเรีย ก๊าซ และควันอันตรายที่หมุนเวียนอยู่ในตัวรถให้ออกจากไปจากอากาศบริสุทธิ์
ตัวกรองอากาศในรถยนต์รุ่นนี้มีไส้กรองคาร์บอน ทำให้ลดกลิ่นเหม็นได้อย่างมีประสิทธิภาพ ทำให้บรรยากาศการขับขี่เต็มไปด้วยความสดชื่นปลอดโปร่งค่ะ เพื่อน ๆ ที่อยากใช้งาน เครื่องฟอกอากาศในรถยนต์ ยี่ห้อไหนดี มิสซี่แนะนำ hafele รุ่นนี้ค่า
จุดเด่น / ฟังก์ชัน | – มีตัวกรอง 7 ขั้นตอน – มีระบบ UV-C ในการฆ่าเชื้อไวรัส – มีไฟแสดงสถานะ – ระดับเสียงรบกวน 28 – 52 เดซิเบล |
ขนาด | 212 x 136 x 66 mm |
ไส้กรอง | Pre-filter, HEPA H10, แผ่นกรองคาร์บอน, นาโนมิเตอร์, ไอออนประจุลบ |
พื้นที่ครอบคลุม | พื้นที่ขนาด 15 ตารางเมตร |
ประกัน | ขึ้นอยู่กับเงื่อนไขบริษัท |
วิธีเลือกซื้อ “เครื่องฟอกอากาศในรถยนต์”
เมื่อเลือกซื้อ “เครื่องฟอกอากาศในรถยนต์” มีหลายปัจจัยที่ต้องคำนึงถึง ข้อควรพิจารณาที่สำคัญบางประการต่อไปนี้จะช่วยให้เพื่อน ๆ ตัดสินใจได้อย่างถูกต้อง
กรองฝุ่นละอองขนาดเล็กและก๊าซได้
รถยนต์เป็นยานพาหนะที่ใช้เดินทางบนถนนและใช้งานเกือบทุกวัน แต่ผู้คนโดยส่วนใหญ่ไม่ได้ทำความสะอาดในรถบ่อยเท่าในบ้าน จึงควรเลือกเครื่องฟอกอากาศในรถยนต์ที่สามารถกรองฝุ่นละอองขนาดเล็กที่มองไม่เห็นด้วยตาเปล่า กลิ่นไม่พึงประสงค์ที่ไหลเวียนเข้ามาในรถ รวมถึงกรองก๊าซออกจากอากาศในรถได้
ประเภทของตัวกรองอากาศ
เครื่องฟอกอากาศมีตัวกรองอากาศหลายประเภท จึงควรพิจารณาประเภทของตัวกรองที่กำจัดมลพิษได้สูงสุดและมีความทนทาน ทางที่ดีควรเลือกเครื่องฟอกอากาศที่มีเซนเซอร์แจ้งเตือนสถานะไส้กรองด้วยนะคะ เพื่อจะได้เปลี่ยนไส้กรองได้ทันท่วงทีค่ะ
คำนึงถึงพื้นที่ในรถ
ก่อนเลือกซื้อเครื่องฟอกอากาศในรถยนต์ ควรพิจารณาจากขนาดพื้นที่ในรถ หรือพื้นที่ห้องโดยสาร เพื่อเลือกซื้อเครื่องฟอกอากาศที่เหมาะสมกับขนาดรถ จะทำให้เครื่องฟอกอากาศในรถทำงานได้ครอบคลุมทุกที่
เลือกเครื่องฟอกอากาศที่มี cdar สูง
เครื่องฟอกอากาศที่มี CADR ในปริมาณ 25 ลบ.ม./ ชม. ขึ้นไป ยิ่งคะแนนสูงเท่าไร เครื่องฟอกอากาศก็จะยิ่งฟอกอากาศได้เร็วขึ้นเท่านั้น
ระดับเสียง
เครื่องฟอกอากาศในรถยนต์ที่ทำงานดังมากเกินไป อาจทำให้เสียสมาธิขณะขับรถ ควรพิจารณาเครื่องฟอกอากาศจากระดับเสียงรบกวนและเลือกรุ่นที่ทำงานเงียบที่สุด
คำถามที่พบบ่อย
เครื่องฟอกอากาศในรถยนต์ ดีไหม?
เครื่องฟอกอากาศในรถยนต์ ดีค่ะ เครื่องฟอกอากาศในรถยนต์ช่วยปรับปรุงคุณภาพอากาศ โดยกำจัดฝุ่นละออง ควัน มลพิษที่อยู่ในรถ รวมถึงสารก่อภูมิแพ้อื่น ๆ ตลอดจนสารเคมีและกลิ่นอันตราย และช่วยให้รถของสดชื่นและสะอาด ดังนั้น ควรเลือกเครื่องฟอกอากาศคุณภาพสูง และหมั่นทำความสะอาดเครื่องฟอกอากาศในรถยนต์เป็นประจำเพื่อให้เครื่องทำงานต่อไปได้อย่างมีประสิทธิภาพ
เครื่องฟอกอากาศในรถยนต์ ช่วยอะไร?
เครื่องฟอกอากาศในรถยนต์ ช่วยให้ผู้ใช้รถได้สูดอากาศที่สะอาดปราศจากมลพิษอย่างฝุ่น ควัน กลิ่นไม่พึงประสงค์ รวมถึงสารก่อภูมิแพ้ โดยใช้ตัวกรองและเทคโนโลยีอื่น ๆ เช่น เช่น ไอออนไนซ์หรือแสง UV-C ในการกำจัดอนุภาคเหล่านี้ ทำให้หายใจได้ดีขึ้น กลิ่นอับในรถลดน้อยลง และขับขี่ได้อย่างสะดวกสบายและเพลิดเพลินยิ่งขึ้น
เครื่องฟอกอากาศในรถยนต์ จําเป็นไหม?
เครื่องฟอกอากาศในรถยนต์ จำเป็นค่ะ เครื่องฟอกอากาศติดรถยนต์ช่วยปรับสภาพภายในรถยนต์ให้ดีขึ้นและลดมลพิษได้ เมื่อเปิดกระจกขณะที่รถยนต์กำลังเคลื่อนที่ ฝุ่นละอองหรือมลพิษในอากาศภายนอกจะเข้ามาในรถ ที่กรองอากาศในรถจะช่วยลดฝุ่นละอองและมลพิษ ทำให้สภาวะอากาศภายในรถยนต์ดีขึ้น และช่วยให้ผู้โดยสารรู้สึกสบายตัวมากยิ่งขึ้นโดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อต้องเดินทางไกลเป็นเวลานาน
เครื่องฟอกอากาศในรถ ใช้ได้จริงไหม?
เครื่องฟอกอากาศในรถ ใช้ได้จริงค่ะ เครื่องฟอกอากาศในรถถูกออกแบบมาเพื่อขจัดฝุ่นละอองและมลพิษภายในรถยนต์ สามารถเพิ่มคุณภาพอากาศภายในรถและลดอาการแพ้ฝุ่นละอองได้ดีนอกจากนี้ เครื่องฟอกอากาศในรถยนต์ยังช่วยลดกลิ่นไม่พึงประสงค์ได้เช่นกัน ดังนั้นจึงควรเลือกเครื่องกรองอากาศรถยนต์ที่เหมาะกับขนาดรถยนต์ และควรทำความสะอาดเครื่องฟอกอากาศอย่างสม่ำเสมอค่ะ
เครื่องฟอกอากาศในรถยนต์ รุ่นไหนดีที่สุด?
CONOCO C6 PRO รุ่นนี้ดีค่ะ มีไฟแสดงสถานะมลพิษในอากาศ เป็นเครื่องฟอกอากาศที่ฟอกอากาศในรถได้ดี อีกทั้งยังช่วยดูดซับก๊าซพิษอีกด้วย สำหรับเพื่อน ๆ ที่ชอบเครื่องฟอกอากาศรูปทรงขวดน้ำ Bwell รุ่น G8 ก็เป็นอีกรุ่นที่น่าสนใจค่ะ เพราะกรองอนุภาคในรถได้ตั้งแต่ pre-filter ทำให้ไส้กรอง hepa ใช้งานได้ยาวนานขึ้นค่ะ
จบกันไปแล้วสำหรับ รีวิว เครื่องฟอกอากาศในรถยนต์ ยี่ห้อไหนดี มิสซี่รวบรวมเครื่องฟอกอากาศในรถที่ดีที่สุดมาทั้ง 10 รุ่น เพื่อน ๆ สนใจอยากลองติดตั้งเครื่องฟอกอากาศในรถยนต์รุ่นไหนกันบ้างคะ? ด้วยมลภาวะที่เกิดขึ้นในปัจจุบันนี้ เครื่องฟอกอากาศในรถยนต์จึงเป็นอุปกรณ์ที่จำเป็นเพื่อดูแลสุขภาพทางเดินหายใจค่ะ เพราะเราไม่สามารถมลพิษข้างนอกด้วยตาเปล่า จึงควรเซฟสุขภาพด้วยเครื่องฟอกอากาศในรถยนต์ค่ะ
อ้างอิง
https://gomechanic.in/blog/car-air-purifier-benefits/