แนะนำ 9 Biotin ยี่ห้อไหนดี 2023 ลดผมร่วง บำรุงเล็บ [ข้อดี-ข้อเสีย!]

การดูแลตัวเองเป็นสิ่งที่ดีและเป็นสิ่งที่ไม่ควรละเลยค่ะ ซึ่งในสถานการณ์การใช้ชีวิตที่เร่งรีบในปัจจุบัน ทำให้สาว ๆ หลายคนเลือกที่จะทานอาหารเสริมกันมากขึ้น 

ส่วนสาว ๆ จำนวนไม่น้อยที่ไม่ละเลยในการดูแลสุขภาพผม ต้องการบำรุงผมให้สวยมีน้ำหนัก แก้ปัญหาผมร่วงเยอะมากกวนใจ ก็อาจจะต้องเลือกซื้อวิตามินบำรุงผม อาหารเสริมประเภทซิงค์ หรือ ไบโอติน มาทานเพิ่มเข้าไป ซึ่งในบทความนี้มิสซี่ได้รวบรวมและคัดเลือกวิตามิน Biotin ยี่ห้อไหนดี แก้ผมร่วงได้จริง ทานแล้วปลอดภัย มารีวิวให้เพื่อน ๆ กันค่ะ จะมีตัวไหนบ้างไปดูกันเลยยย

TOP 3 ไบโอตินที่ดีที่สุด

Biotin คืออะไร สรรพคุณช่วยเรื่องอะไรบ้าง

Biotin หรือวิตามินบี 7 (Vitamin B7) หรืออีกชื่อหนึ่งคือ วิตามินเอช (Vitamin H) เป็นวิตามินละลายในน้ำ มักพบในอาหารจำพวกโปรตีน เช่น ตับ ไข่แดง ธัญพืช เป็นต้น เป็นหนึ่งในวิตามินบีรวม ที่ช่วยเปลี่ยนสารอาหารให้เป็นพลังงานแก่ร่างกาย และเป็นส่วนสำคัญในการสร้างเคราติน ซึ่งประโยชน์ของ biotin ก็คือ

1. ช่วยบำรุงผม ผิวหนัง และเล็บ

เนื่องจากเส้นผม ผิว หนัง และเล็บมีเคราตินเป็นส่วนประกอบหลัก ซึ่งมี biotin เป็นส่วนสำคัญในการเสริมโครงสร้างของเคราตินให้แข็งแรง ฉะนั้น หากขาดสารสกัดตัวนี้ จะส่งผลต่อโครงสร้างของเคราติน ทำให้ผม ผิวหนัง และเล็บมีความอ่อนแอ ซึ่งการทานอาหารเสริมเข้าไป ก็จะช่วยบำรุงผม เล็บ ผิวให้ดีขึ้นได้ค่ะ

2. ช่วยควบคุมระดับน้ำตาลในเลือด

ในกลุ่มของคนที่เป็นโรคเบาหวาน หากทานร่วมกับโครเมียม จะช่วยปรับสมดุลของระดับน้ำตาลในเลือดได้ แต่ก็ควรอยู่ในการกำกับดูแลของแพทย์ด้วยเช่นกันค่ะ

3. ช่วยบำรุงระบบประสาทและสมอง

อย่างที่บอกไปว่า biotin เป็นหนึ่งในวิตามินบี ซึ่งมีคุณสมบัติในการบำรุงระบบประสาทและสมอง ช่วยลดความผิดปกติของระบบประสาท ลดความเสี่ยงของภาวะสมองเสื่อมและอัลไซเมอร์

4. ช่วยบำรุงหัวใจและหลอดเลือด

ในการศึกษาเกี่ยวกับโรคหัวใจและหลอดเลือด พบว่า วิตามินบีต่าง ๆ มีบทบาทสำคัญในการปกป้องความเสี่ยงของโรคหลอดเลือดอักเสบเรื้อรัง และโรคหลอดเลือดในสมอง ซึ่งการทานร่วม Biotin กับวิตามินบีรวม วิตามินบี 6 และโฟเลต สามารถช่วยป้องกันโรคเหล่านี้ได้

Biotin แก้ผมร่วงได้จริงหรอ?

การศึกษาและการวิจัยทางการแพทย์ถึงไบโอตินไม่ได้มีมากมายเท่าไหร่นัก แต่ก็มีงานวิจัยอยู่บ้างที่ชี้ให้เห็นว่า biotin ช่วยลดและแก้ผมร่วงได้จริง เพราะเป็นสารอาหารที่ช่วยกระตุ้นการผลิตเคราติน ซึ่งเป็นส่วนประกอบหลักสำคัญในเส้นผม ทำให้ Biotin ถูกนำมาใช้เป็นส่วนประกอบในผลิตภัณฑ์บำรุงผม ผิวหนัง และเล็บนั่นเองค่ะ 

ตารางเปรียบเทียบ “Biotin ยี่ห้อไหนดี

ชื่อสินค้า

Nature’s Bounty Biotin

Blackmores Biotin H+

21st Century​ ​Biotin 10,000 mcg

DHC​ ​biotin 500 mcg

Puritan’s Pride Biotin

California Gold Nutrition Biotin

Nature’s Bounty Hair Skin Nails Gummies

Natrol Biotin 10,000 mcg

Swisse Biotin + Zinc

รูปสินค้า

Laneige Neo Cushion Matte SPF 42 PA+++
Jovina Everyday Perfecting Cushion Long Wear SPF25 PA+++
Maybelline New York Fit Me Oil Control Cushion Matte+Poreless
The Face Shop Yehwadam hwansaenggo BB Cushion SPF50+ PA+++
4U2 Sahara Soft Matte Cushion SPF50 PA++++
Innisfree No Sebum Powder Cushion SPF 29++ PA+++
Rom&nd Nu Zero Cushion
Lilybyred Fitting Glow Cushion SPF 30 PA+++

คุณสมบัติ

  • + ได้การรับรองจากมาตรฐานสากล

  • + เพิ่มวิตามินอื่นๆ

  • + ปริมาณไบโอตินเข้มข้น

  • + บำรุงผม ผิว และเล็บ

  • + แบรนด์น่าเชื่อถือ

  • + มีวิตามินซี วิตามินอี และซิงค์เพิ่ม

  • + แก้ผมร่วง

  • + ราคาไม่แพง

  • + ปราศจากกลูเตน

  • + เม็ดเล็ก ทานง่าย 

  • + ลดปัญหาผมร่วงได้ดี

  • + ราคาถูก

  • + ดูดซึมดี

  • + มีแคลเซียมเพิ่มมาให้

  • + บำรุงผม เล็บให้แข็งแรง

  • + มังสวิรัติทานได้

  • + ไบโอตินเข้มข้นสูง

  • + ปราศจากกลูเตน

  • + อร่อย ทานง่าย

  • + เหมาะกับคนไม่ชอบทานยา

  • + เพิ่มคอลลาเจน วิตามินซีด้วย

  • + ผสมแคลเซียม

  • + ปริมาณไบโอตินสูง

  • + ผมดกขึ้น

  • + บำรุงผม ผิว และเล็บ

  • + เกรดพรีเมียม

  • + ซิงค์ช่วยลดสิว

ราคาเต็ม

650 บาท

785 บาท

590 บาท

290 บาท

690 บาท

750 บาท

499 บาท

790 บาท

840 บาท

ปริมาณ

120 เม็ด

60 เม็ด

120 เม็ด

60 เม็ด

120 เม็ด

90 เม็ด

80 เม็ด

100 เม็ด

60 เม็ด

ตกเม็ดละ

5.4 บาท

13 บาท

4.9 บาท

4.8 บาท

5.75 บาท

8.3 บาท

6.2 บาท

7.9 บาท

14 บาท

ความคุ้มค่า

เช็คส่วนลดที่

จะเลือกซื้อ Biotin ยี่ห้อไหนดี 2566

1. วิตามินไบโอติน โดยรวมที่ดีที่สุด : Nature’s Bounty Biotin

Nature’s Bounty Biotin

ราคา 650 บาท

ข้อดี
+ ปริมาณความเข้มข้นสูง
+ เพิ่มวิตามิน และสารอาหารอื่น ๆ มาให้ด้วย

+ ราคาคุ้มค่า

ข้อควรพิจารณา
– ไม่มี Official Shop ในไทย

วิตามินแก้ผมร่วงอันดับ 1 ยกให้ Nature’s Bounty เลยค่ะ เพราะเป็นแบรนด์คุณภาพที่มีมายาวนานกว่า 50 ปี ได้การรับรองจากมาตรฐานโลก แถมราคาเป็นมิตรต่อกระเป๋า ตัวนี้มีความเข้มข้นอยู่ที่ 10,000 mcg 

ซึ่งจะช่วยบำรุงผมที่เปราะบางขาดง่าย ผมเสียแตกปลาย พร้อมบำรุงรากผมและเล็บให้แข็งแรง นอกจากนี้ยังมีส่วนประกอบของวิตามินบีรวม, บี 2, บี 6 และวิตามิน a ที่จะช่วยเพิ่มพลังงานให้ร่างกาย พร้อมกับช่วยบำรุงดวงตาได้อีกด้วย ซึ่งตัวนี้มาในรูปแบบซอฟต์เจล กลืนง่ายมาก ใครทานยาเม็ดยาก มิสซี่เชียร์ตัวนี้เลยค่า

ปริมาณ 120 เม็ด : ราคา 650 บาท (ตกเม็ดละ 5.4 บาท)

รูปแบบซอฟต์เจลความเข้มข้น10,000 mcg
ขนาดรับประทานต่อวันวันละ 1 ซอฟเจล หลังอาหารคะแนน5/5

2. Biotin หาซื้อง่ายที่ดีที่สุด : Blackmores Biotin H+

Blackmores Biotin H+

ราคา 785 บาท

ข้อดี
+ มีวิตามินและสารอาหารอื่น ๆ เพิ่มมาให้
+ หาซื้อง่าย แบรนด์น่าเชื่อถือ

+ บำรุงผม

ข้อควรพิจารณา
– ปริมาณความเข้มข้นต่อเม็ดมีน้อย

มาต่อกันที่รีวิว ไบโอตินแบล็คมอร์ตัวนี้ แม้จะมี biotin ในปริมาณแค่ 150 mcg แต่ก็มีวิตามินซี วิตามินอี และซิงค์ เพิ่มเข้ามาให้  ซึ่งมีประโยชน์ช่วยบำรุงผม ผิว และเล็บให้แข็งแรง ลดการหลุดร่วงของเส้นผม รวมทั้งช่วยต้านอนุมูลอิสระได้อีกด้วย 

นอกจากนี้ ยังมีสารสกัดจากมิลเลท ชาขาว และฮอสเทล ซึ่งเป็นสารสกัดจากธรรมชาติ เข้ามาเพิ่มการบำรุงไปอีกขั้นหนึ่ง บอกเลยว่า แบล็คมอร์ตัวนี้ เป็นตัวเลือกที่ดีค่ะ แถมหาซื้อได้ง่ายด้วย

ปริมาณ 60 เม็ด : ราคา 785 บาท (ตกเม็ดละ 13 บาท)

รูปแบบเม็ดความเข้มข้น150 mcg
ขนาดรับประทานต่อวันวันละ 1 เม็ด พร้อมอาหารคะแนน4/5

3. ไบโอตินเพียวที่ดีที่สุด : 21st Century​ ​Biotin 10,000 mcg

21st Century​ ​Biotin 10,000 mcg

ราคา 590 บาท

ข้อดี
+ ไม่มีส่วนผสมของกลูเตน
+ ราคาเข้าถึงง่าย

+ แก้ผมร่วง

ข้อควรพิจารณา
– ไม่มีวิตามินอื่น ๆ เพิ่มมาให้

Biotin เข้มข้น 10,000 mcg จากอเมริกาอีกหนึ่งแบรนด์ที่มีมาตรฐานดี แถมราคาดี ไม่ได้แพงมาก ช่วยบำรุงสุขภาพเส้นผม ผิว และเล็บให้แข็งแรง และช่วยให้ระบบเผาผลาญทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ เพิ่มพลังงานให้ร่างกาย ลดอาการอ่อนเพลียและเหนื่อยล้าได้ 

โดยตัวนี้จะปราศจากกลูเตน คนที่แพ้กลูเตนสามารถทานได้ ซึ่งตัวไม่มีส่วนผสมของน้ำตาล ยีสต์ เพื่อน ๆ ที่อยากได้ biotin เข้มข้น อาหารเสริม 21st Century ดีเลยค่ะ ตอบโจทย์คนแพ้กลูเตนมาก ๆ

ปริมาณ 120 เม็ด : ราคา 590 บาท (ตกเม็ดละ 4.9 บาท)

รูปแบบเม็ดความเข้มข้น10,000 mcg
ขนาดรับประทานต่อวันวันละ 1 เม็ด พร้อมอาหารคะแนน4.5/5

4. ไบโอตินจากญี่ปุ่นที่ดีที่สุด : DHC​ ​biotin 500 mcg

DHC​ ​biotin 500 mcg

ราคา 290 บาท

ข้อดี
+ เม็ดเล็ก ทานง่าย
+ ราคาถูก

+ ลดปัญหาผมร่วงได้ดี

ข้อควรพิจารณา
– มีปริมาณความเข้มข้นต่อเม็ดน้อย
-ไม่มีวิตามิน และสารอาหารอื่น ๆ เพิ่มเติม

ถัดมารีวิวของ dhc biotin วิตามินยี่ห้อดังจากญี่ปุ่นที่ใคร ๆ ก็รู้จัก โดยตัวนี้มีปริมาณความเข้มข้นต่อเม็ดอยู่ที่ 500 mcg แม้จะเป็นปริมาณที่น้อยกว่าฝั่งอเมริกา แต่ตัววิตามินเป็นการละลายแบบช้า ๆ ทำให้ร่างกายค่อย ๆ ดูดซึมเข้าไป เหมาะกับคนที่มีปัญหาเล็บบาง ฉีกขาดง่าย ผมหงอกก่อนวัย ซึ่งตัวนี้ก็เข้าไปช่วยในการทำงานระบบเผาผลาญในร่างกายให้ทำงานอย่างมีประสิทธิภาพ 

ตัววิตามินจะมาในรูปแบบเม็ดกลม ๆ บรรจุในซองสีชมพูสุดน่ารัก สาว ๆ ที่กำลังหาซื้อวิตามินแก้ผมร่วง ในปริมาณความเข้มข้นที่ไม่มากเกินไป ต้องไปตำตัวนี้เลยค่ะ! เม็ดเล็กมาก ๆ กลืนไม่ยากเลย

ปริมาณ 60 เม็ด : ราคา 290 บาท (ตกเม็ดละ 4.8 บาท)

รูปแบบเม็ดความเข้มข้น500 mcg
ขนาดรับประทานต่อวันวันละ 1 เม็ด หลังอาหารคะแนน4/5

5. Biotin เสริมแคลเซียมที่ดีที่สุด: Puritan’s Pride Biotin

Puritan’s Pride Super Biotin

ราคา 690 บาท

ข้อดี
+ มีแคลเซียมเพิ่มมาให้ 222 mcg ต่อเม็ด
+ ดูดซึมได้ดี

+ บำรุงผม เล็บให้แข็งแรง

ข้อควรพิจารณา
– ไม่มี official store

ไม่พูดถึงรีวิว puritan’s pride คงไม่ได้ ตัวนี้เป็นแบรนด์จากอเมริกาอีกแบรนด์ที่ดีไม่แพ้ตัวอื่น ซึ่งมีหลายปริมาณความเข้มข้ให้เลือกซื้อ คือ 5,000, 7,500 และ 10,000 mcg โดยมิสซี่ได้หยิบตัว 5,000 mcg มาแนะนำ เพราะเป็นปริมาณที่พอดีในการดูดซึม แถมยังมีแคลเซียมเพิ่มมาให้ 222 mcg ต่อเม็ดอีกด้วย (ปริมาณอื่นไม่มี) 

ความดีงามอีกอย่างหนึ่งคือเป็นแบบซอฟต์เจล ทานง่าย ช่วยบำรุงผมและเล็บให้แข็งแรง ลดการขาดหลุดร่วงของเส้นผมได้ดี และช่วยให้ผมหงอกช้าลง ใครเล็บเปราะ ผมขาดหลุดร่วง อยากได้วิตามินบำรุงเล็ก บำรุงผมให้แข็งแรงจากภายใน แนะนำตัวนี้เลยค่ะ คุ้มค่า คุ้มราคาแน่นอน

ปริมาณ 120 ซอฟต์เจล : ราคา 690 บาท (ตกซอฟต์เจลละ 5.75 บาท)

รูปแบบซอฟต์เจลความเข้มข้น5,000 mcg
ขนาดรับประทานต่อวันวันละ 1 ซอฟต์เจล หลังอาหารคะแนน4.5/5

6. Biotin แบรนด์อเมริกาที่ดีที่สุด : California Gold Nutrition Biotin

California Gold Nutrition Biotin

ราคา 750 บาท

ข้อดี
+ มีปริมาณความเข้มข้นสูง
+ ซอฟต์เจลจากผัก มังสวิรัติทานได้

+ ปราศจากกลูเตน

ข้อควรพิจารณา
– ไม่มีวิตามิน หรือสารอาหารอื่น

เป็น d-Biotin เพียว 10,000 mcg เหมาะกับคนที่ต้องการ Biotin แบบเข้มข้น ช่วยบำรุงผม บำรุงผิว และเล็บให้แข็งแรง อีกทั้ง ยังช่วยในการผลิตพลังงานและการทำงานของระบบภูมิคุ้มกันให้ดีขึ้น ซึ่งแบรนด์นี้มั่นใจในคุณภาพได้ลย เพราะได้รับมาตรฐาน  GMP และมาตรฐานคุณภาพระดับโลก ไม่มีกลูเตน และถั่วเหลือง 

จุดเด่นคือเป็นซอฟต์เจลจากผัก มังสวิรัติทานได้ไม่มีปัญหาค่ะ สาว ๆ ที่กำลังเลือกซื้อวิตามินบำรุงผม ความเข้มข้นสูง เหมาะกับคนแพ้กลูเตน แล้วทานมังสวิรัติ ยี่ห้อนี้ไม่ทำให้ผิดหวังเรื่องคุณภาพแน่นอนค่ะ

ปริมาณ 90 ซอฟต์เจล : ราคา 750 บาท (ตกซอฟต์เจลละ 8.3 บาท)

รูปแบบซอฟต์เจลความเข้มข้น10,000 mcg
ขนาดรับประทานต่อวันวันละ 1 ซอฟต์เจลพร้อมอาหารคะแนน4/5

7. biotin กัมมี่ที่ดีที่สุด : Nature’s Bounty Hair Skin Nails Gummies

Nature's Bounty Hair Skin Nails Gummies

ราคา 499 บาท

ข้อดี
+ เป็นแบบกัมมี่ รสชาติอร่อย ทานง่าย
+ บำรุงผม เล็บให้มีสุขภาพดี

+ เหมาะกับคนไม่ชอบทานยา

ข้อควรพิจารณา
– ปริมาณความเข้มข้นไม่เยอะ

ใครไม่ชอบทานยา หรือทานยายากต้องเลิฟตัวนี้แน่นอนค่ะ เพราะมาในรูปแบบกัมมี่ ทานง่ายมาก เหมือนทานเยลลี่หรือลูกอม หนึบ ๆ หวาน ๆ ซึ่งตัวนี้มี 2 รส ให้เลือก ก็คือรสส้ม และรสสตรอว์เบอร์รี่ ใน 1 เม็ดจะมีความเข้มข้น 1,250 mcg ซึ่งเป็นปริมาณที่ถือว่าพอดีในระดับปานกลาง แต่ก็ดูดซึมได้ดีเช่นกันค่ะ 

โดยนอกจากนี้ ยังเพิ่มคอลลาเจน วิตามินซี และวิตามิน E เข้ามาด้วย เป็นการผสานพลังช่วยบำรุงให้ผิว ผม เล็บ ให้สวยและแข็งแรงไปพร้อมกันได้เลย คนที่ไม่ชอบทานยา หรืออยากทานวิตามินในรูปแบบใหม่ ๆ มิสซี่เชียร์ให้ไปตำตัวนี้สุด ๆ ค่ะ อร่อย ทานเพลินเหมือนทานขนมเลย! ลืมอาหารเสริมทานยาก ๆ ไปได้เลยค่ะ

ปริมาณ 80 เม็ด : ราคา 499 บาท (ตกเม็ดละ 6.2 บาท)

รูปแบบกัมมี่ความเข้มข้น1,250 mcg
ขนาดรับประทานต่อวันเคี้ยวทานวันละ 2 เม็ดคะแนน4.5/5

8. ไบโอตินมังสวิรัติที่ดีที่สุด : Natrol Biotin 10,000 mcg 

Natrol Biotin 10,000 mcg

ราคา 790 บาท

ข้อดี
+ ผสมแคลเซียม
+ มีปริมาณความเข้มข้นสูง

+ ช่วยให้ผมดกขึ้น

ข้อควรพิจารณา
– ร่างกายอาจจะดูดซึมไม่หมดในครั้งเดียว

มาดูรีวิว Natrol ตัวนี้กันบ้างค่ะ สาว ๆ ที่ทานมังสวิรัติต้องชอบแน่นอน เพราะผลิตจากพืช ยี่ห้อนี้จะมีความเข้มข้นให้เลือกหลายแบบ ทั้งแบบ 1,000 mcg, 5,000 mcg และ 10,000 mcg ซึ่งมิสซี่แนะนำแบบ 10,000 mcg เพราะมีแคลเซียมเพิ่มเข้ามาให้ 66 mg ต่อเม็ด แถมยังเลือกได้ว่าจะเอาแบบเม็ดยากลืนปกติ หรือแบบเม็ดอม 

ซึ่งแม้จะเป็นแบบเม็ดยา แต่ก็มีรสหวาน ๆ ทานง่าย ช่วยบำรุงเล็บให้แข็งแรง ไม่ฉีกขาดง่าย และแก้ปัญหาเรื่องผมขาดหลุดร่วงได้ หรือใครเป็นสายมังสวิรัติ แบบเคร่ง ๆ อยากทาน biotin เพื่อบำรุงผิว เล็บ ตัวนี้ปังค่ะ!

ปริมาณ 100 เม็ด : ราคา 790 บาท (ตกเม็ดละ 7.9 บาท)

รูปแบบเม็ดความเข้มข้น10,000 mcg
ขนาดรับประทานต่อวันวันละ 1 เม็ด พร้อมอาหารคะแนน4.5/5

9. อาหารเสริมไบโอติน ซิงค์ ที่ดีที่สุด : Swisse Biotin + Zinc

Swisse Biotin + Zinc

ราคา 840 บาท

ข้อดี
+ มีซิงค์ และแร่ธาตุอื่น ๆ บำรุงผม ผิว และเล็บ
+ ป้องกันรอยแผลเป็นได้

+ แบรนด์วิตามินเกรดพรีเมียม

ข้อควรพิจารณา
– ราคาค่อนข้างแพง

มาดูรีวิว Biotin จากแบรนด์คุณภาพฝั่งออสเตรเลียกันบ้าง ตัวนี้รวมซิงค์ ที่มีส่วนผสมของแคลเซียม และธาตุเหล็กเข้ามาให้ด้วยค่ะ ซึ่งจะช่วยบำรุงผิวให้ชุ่มชื้นเต่งตึง หน้าใสไร้สิว และช่วยบำรุงผมไม่ให้แห้งเสีย ไม่เกิดรังแค และช่วยบำรุงเล็บให้เงางาม

นอกจากนี้ คนที่กำลังพักฟื้นจากการผ่าตัดก็สามารถทานได้ เพราะจะช่วยสมานแผลได้ดี ให้แผลแห้งเร็วขึ้น สาว ๆ ที่ต้องการไบโอตินและซิงค์แบบ 2 in 1 จะซื้อวิตามินบำรุงผม ยี่ห้อไหนดี ตัวนี้ก็น่าสนใจมาก ๆ เลยค่ะ

ปริมาณ 60 เม็ด : ราคา 840 บาท (ตกเม็ดละ 14 บาท)

รูปแบบเม็ดความเข้มข้น150 mcg
ขนาดรับประทานต่อวันวันละ 1 เม็ด พร้อมมื้ออาหารคะแนน4/5

วิธีเลือกซื้อ “biotin” 

เลือกจากปริมาณความเข้มข้น 

แต่ละยี่ห้อก็จะมีปริมาณของ biotin ที่แตกต่างกัน โดยวิธีการเลือกก็คือ ให้เลือกตามปริมาณที่ควรได้รับต่อวัน โดยการจะต้องเลือกที่มีปริมาณมากกว่านั้น เพราะร่างกายของคนเราไม่สามารถดูดซึมเข้าไปได้หมด หรือหากเพื่อน ๆ เป็นกลุ่มที่มีภาวะขาดไบโอติน ก็สามารถเลือกโดสตามที่แพทย์แนะนำได้เลยค่ะ

ซึ่งอย่างที่บอกไปว่า biotin เป็นวิตามินแบบละลายน้ำ โดยหากร่างกายดูดซึมไม่หมดก็จะขับออกทางปัสสาวะ เป็นเรื่องปกติที่จะไม่สามารถดูดซึมได้หมดในครั้งเดียว เพราะฉะนั้น การเลือกแบบที่มีความเข้มข้นน้อย และแบ่งทานหลายครั้ง จะช่วยลดปริมาณการขับออกจากร่างกายได้

เลือกจากรูปแบบเม็ดวิตามิน

เนื่องจากบางคนมีความถนัดในการทานยาที่แตกต่างกัน โดยอาหารเสริม มีรูปแบบเม็ดหลายรูปแบบ คือ

  1. แบบเม็ดกลืน เป็นรูปแบบที่เห็นได้ทั่วไป คล้ายเม็ดแป้ง ซึ่งสำหรับบางคนจะกลืนยาแบบนี้ได้ยากค่ะ
  2. แบบเม็ดอม จะแบ่งออกเป็น
  • เม็ดอมปกติ เป็นการอมไว้บนลิ้น สามารถกลืนน้ำลายได้ปกติเหมือนการทานยาอม โดยน้ำลายในปากจะเป็นตัวละลายวิตามิน ซึ่งอาหารเสริม บางยี่ห้อสามารถเคี้ยวได้ด้วยเช่นกัน
  • เม็ดอมใต้ลิ้น เป็นการอมวิตามินไว้ใต้ลิ้น โดยไม่กลืนน้ำลาย ซึ่งตัววิตามินจะถูกดูดซึมเข้าสู่กระแสเลือด ผ่านทางหลอดเลือดในช่องปากของเราค่ะ เพราะฉะนั้น ตัววิตามินจะดูดซึมได้อย่างรวดเร็ว
  1. แบบแคปซูล จะทานง่ายกว่าแบบเม็ดกลืน เพราะลักษณะของยาจะมีความลื่นนั่นเอง
  2. แบบซอฟต์เจล เป็นรูปแบบแคปซูลบาง ๆ ห่อหุ้มตัววิตามินและสารสกัดไว้ จะมีความลื่นคอ กลืนง่ายมากกว่าแบบแคปซูลปกติ
  3. แบบกัมมี่ อาจจะเรียกได้ว่าเป็นรูปแบบที่ทานง่ายที่สุดค่ะ เพราะจะมีรสชาติอร่อยเหมือนกับทานขนม สาว ๆ คนไหนที่ทานยายากขั้นสุด แบบกัมมี่จะเหมาะมากค่ะ

เลือกจากส่วนประกอบของวิตามิน

บางยี่ห้อจะมีแค่ไบโอตินเพียว ๆ แต่บางยี่ห้อจะมีวิตามิน และสารอาหารอื่น ๆ เพิ่มเข้ามาด้วย เช่น ซิงค์ วิตามินบี วิตามินซี เป็นต้น ขึ้นอยู่กับว่าเพื่อน ๆ แต่ละคนอยากได้ผลลัพธ์แบบไหนค่ะ

เลือกจากแบรนด์

การเลือกแบรนด์ที่น่าเชื่อถือ เป็นที่รู้จักกันในวงกว้าง เป็นอีกหนึ่งสิ่งสำคัญในการที่จะเลือกซื้อ เนื่องจากจะมีความปลอดภัยต่อร่างกายมากกว่า โดยอาจจะเลือกแบรนด์ระดับสากล หรือแบรนด์ที่มีการทดสอบคุณภาพและมีการรับรองมาตรฐานต่าง ๆ ก็ได้ค่ะ

ปริมาณที่ควรทาน biotin ต่อวัน

โดยทั่วไปแล้ว สำหรับวัยรุ่นและวัยผู้ใหญ่ ปริมาณ biotin ที่ร่างกายควรได้รับต่อวันจะอยู่ที่ 30-100 mcg ต่อวัน ซึ่งส่วนใหญ่อาจจะได้รับอย่างเพียงพอจากการทานอาหารในแต่ละวัน แต่หากต้องการบำรุงผม ผิวหนัง และเล็บ อาจจะต้องเลือกให้ได้ในปริมาณ 3,000-10,000 mcg ต่อวันค่ะ

โดยปกติแล้วจะมีคนที่มีภาวะขาดไบโอตินน้อยมาก แต่ก็มีสาเหตุและมีบางกลุ่มที่จะเกิดการขาด biotin อยู่เช่นกัน อาทิ

  • คุณแม่ที่กำลังตั้งครรภ์ หรืออยู่ในช่วงให้นมบุตร
  • ติดเหล้า หรือดื่มแอลกอฮอล์เป็นประจำ
  • คนที่มีปัญหาเรื่องการดูดซึม

โดยอาการที่บ่งบอกว่าร่างกายของเพื่อน ๆ ขาด biotin แล้ว ก็คือ

  • ผมหลุดร่วง
  • สีผมเปลี่ยน
  • ผมหงอกก่อนวัยอันควร
  • เล็บเปราะหัก
  • ผิวหนังอักเสบง่าย
  • ปวดเมื่อยกล้ามเนื้อ
  • เยื่อบุตาอักเสบ

แนะนำอาหารที่มีไบโอติน

1. เครื่องในสัตว์

โดยเฉพาะตับ ที่นอกจากจะมีแร่ธาตุหลายชนิดแล้ว ก็เป็นแหล่งไบโอตินสูงเช่นกัน เนื่องจากไบโอตินส่วนใหญ่ในร่างกายจะถูกเก็บสะสมไว้ในตับนั่นเอง

2. ไข่แดง

อุดมไปด้วยวิตามินบี โปรตีน ธาตุเหล็ก และฟอสฟอรัส รวมทั้งมีไบโอตินสูง ช่วยในการเจริญเติบโตของเส้นผมได้อีกด้วย

3. พืชตะกูลถั่ว

เป็นแหล่งของโปรตีนพืช ไฟเบอร์ และสารอาหารจำนวนมาก โดยถั่วที่มีไบโอตินสูงก็คือ ถั่วลิสงและถั่วเหลืองค่ะ

4. ธัญพืช

เป็นแหล่งของไฟเบอร์ ไขมันไม่อิ่มตัว และโปรตีน โดยจะให้ปริมาณไบโอตินแตกต่างกันไปในแต่ละชนิด

5. อะโวคาโด

อุดมไปด้วยแร่ธาตุและวิตามินต้านอนุมูลอิสระหลายชนิด เช่น วิตามินซี วิตามินบี โฟเลต และไขมันไม่อิ่มตัวที่ดีต่อร่างกายแล้ว ยังเป็นแหล่งของไบโอตินอีกด้วย

คำถามที่พบบ่อย

biotin กินตอนไหน?

biotin ควรกินหลังอาหารตอนเช้า เพราะเป็นช่วงที่ร่างกายดูดซึมได้ดี หรือตามคำแนะนำของแต่ละยี่ห้อก็ได้ค่ะ โดยควรทานเป็นเวลาเดิมในแต่ละวัน เพื่อให้ร่างกายจดจำ ทำให้ดูดซึมดีกว่า 

ไบโอติน ควรกินกี่มิลลิกรัม?

ควรกินไบโอตินอยู่ที่ 30-100 ไมโครกรัมต่อวัน เพื่อไม่ให้ขาด แต่หากอยากบำรุงผม ผิวหนัง และเล็บ ควรทานให้ได้ในปริมาณ 3,000-10,000 mcg ต่อวัน

ผลข้างเคียงจากการทาน biotin เกินขนาดมีอะไรบ้าง?

การทานไบโอตินในปริมาณสูงยังไม่พบว่ามีผลกระทบร้ายแรงต่อร่างกาย แต่อาจจะทำให้ฮอร์โมนไทรอยด์และวิตามินดีในร่างกายมีการเปลี่ยนแปลงแบบไม่คงที่ เพราะฉะนั้น หากมีการตรวจเลือด อาจจะต้องแจ้งแพทย์ก่อนว่าได้มีการทานอาหารเสริม biotin เข้าไปค่ะ

เป็นยังไงกันบ้างคะ สำหรับรีวิววิตามินแก้ผมร่วง หรือวิตามินบำรุงผมที่แนะนำไป มีตัวเลือกไหนที่โดนใจอยู่บ้างเอ่ย หมดปัญหาผมร่วงเยอะมากได้แน่นอน ซึ่งการทาน biotin ให้เห็นผลจะต้องทานอย่างต่อเนื่องและสม่ำเสมอจะให้ผลลัพธ์ได้ดีที่สุด

ซึ่งระยะเวลาก็แตกต่างกันไปในแต่ละคน บางคนอาจจะใช้ระยะเวลาแค่ 3 เดือน หรือในบางคนอาจจะเป็น 6-8 เดือนเลยก็ได้ค่ะ โดยก่อนจะเลือกซื้อ biotin ยี่ห้อไหนดี ควรมีการศึกษาให้ดีก่อนอย่างรอบด้าน หรืออาจจะปรึกษาแพทย์หรือเภสัชกรก่อนเลือกซื้อ โดยเฉพาะคุณแม่ที่กำลังตั้งครรภ์ เพื่อไม่ให้เป็นอันตรายต่อทารกในครรภ์ค่ะ

อ้างอิง

https://www.healthline.com/health/the-benefits-of-biotin#TOC_TITLE_HDR_1

https://www.webmd.com/connect-to-care/hair-loss/does-biotin-really-prevent-hair-loss

https://www.webmd.com/vitamins/ai/ingredientmono-313/biotin

Metina Duangboon

Metina Duangboon

ฮัลโหลล ยินดีที่ได้รู้จักสาวๆมิสซี่ทุกคนนะคะ มิ้งเป็น Beauty Editor ของ MizzyReview จบการศึกษาจากมหาวิทยาเชียงใหม่ มีประสบการณ์ทำงานร่วมกับนิตยสารออนไลน์มากมาย ไม่ว่าจะเป็น Sephora Thailand Vogue thailand Woman Trueid มิ้งมาอัพเดตสินค้าบิวตี้ ความสวยความงาม งานผิว เทรนด์ต่างๆ แชร์คอนเท้นสำหรับสาวๆที่ชอบรีวิวเครื่องสำอาง เมคอัพ สกินแคร์เป็นชีวิตจิตใจ!ป้ายยาทุกคนได้ให้เลือกช้อป เลือกใช้สินค้าดีๆ ที่ขึ้นชื่อว่าดีที่สุดกันค่า!