วิตามินดี ประโยชน์ดีๆ 5 ข้อ ที่ไม่ควรพลาด

คุณเคย อาจจะได้ยินคำพูดที่บอกว่า “ อย่ามัวแต่อุดอู้อยู่เฉย ๆ ควรให้ร่างกายได้ออกไปรับแสงแดดบ้าง ” ก็บอกเลยว่า คำนี้คงไม่เกินจริงสักเท่าไหร่ โดยเฉพาะเมื่อร่างกายของเราได้ออกไปเจอกับแสงแดดอุ่น ๆ ในตอนเช้า ร่างกายของเราก็จะมีการสังเคราะห์วิตามินดี

แล้วการสังเคราะห์ วิตามินดี ในร่างกายมีประโยชน์อย่างไร? แน่นอนว่า มีประโยชน์ต่อการดูดซึมของแคลเซียม และฟอสฟอรัส ที่ช่วยเสริมสร้างกระดูกและฟัน ให้แข็งแรง

บอกเลยว่า วิตามินดี ประโยชน์ดี ๆ มีมากกว่าที่คิด เป็นอีกวิตามินที่จำเป็นต่อร่างกายเรามาก และจะมีประโยชน์อะไรบ้างนั้น ก็ได้สรุปมาเป็น 5 ประโยชน์หลัก ๆ ที่ควรรู้ มาไว้ให้ได้อ่านกันแล้ว

Table of Contents

วิตามินดี ประโยชน์ที่ควรรู้ [สรุป]

ช่วยเสริมสร้างกระดูกให้แข็งแรง
เสริมการทำงานของระบบภูมิคุ้มกันในร่างกาย
มีส่วนช่วยเรื่องควบคุมน้ำหนัก
ลดความเครียด วิตกกังวล และภาวะซึมเศร้า
ช่วยดูแลสุขภาพโดยรวม เช่น ลดความเสี่ยงเบาหวาน โรคหัวใจ

วิตามินดี ช่วยอะไร

1.ช่วยเสริมสร้างกระดูก และฟันให้แข็งแรง

ไม่ว่าจะทั้งเด็ก หรือผู้ใหญ่ หากขาดวิตามินดี หรือได้รับวิตามินดีไม่เพียงพอ ก็อาจจะส่งผลต่อมวลกระดูกร่างกาย จนทำให้เกิดเป็นโรคกระดูกอ่อนในเด็ก และโรคกระดูกพรุนในผู้ใหญ่

ทำให้วิตามินดี หรือ วิตามินดี3 เป็นวิตามินที่ช่วยส่งเสริมการดูดซึมแคลเซียมในลำไส้ และช่วยรักษาระดับแคลเซียม และฟอสฟอรัสในเลือดให้เพียงพอ ซึ่งทั้งสองอย่างนี้ เรียกได้ว่า มีความสำคัญต่อการเสริมสร้างกระดูก และรักษากระดูกให้แข็งแรง

โดยมีการศึกษา ในปี 2013 จากมหาวิทยาลัยเวสเทิร์นออสเตรเลีย ที่ให้ผู้สูงอายุ ที่มีอายุ 70 ขึ้นไป ที่อาศัยอยู่ในบ้านพักคนชรา ได้ทานวิตามินดี 3 พบว่า ช่วยชะลอการสูญเสียมวลกระดูก และช่วยลดความเสี่ยง ของการเกิดอุบัติเหตุ เกี่ยวกับโรคกระดูกมากขึ้น

อีกทั้ง วิตามินดี 3 ในปริมาณต่ำ (400 IU) ก็ช่วยเพิ่มความหนาแน่น ของมวลกระดูกต้นขาอีกด้วย

รวมถึง ช่วยดูแลสุขภาพช่องปาก เนื่องจาก วิตามินดี มีบทบาทสำคัญ ในการช่วยให้ร่างกายดูดซึมแคลเซียม จึงช่วยให้ลดความเสี่ยงของการเกิดฟันผุได้

2.เสริมการทำงานของระบบภูมิคุ้มกันในร่างกาย

การเสริมภูมิคุ้มให้กับร่างกายก็เป็นสิ่งสำคัญ เพราะหากร่างกายมีภูมิคุ้มกันที่ดี ก็จะช่วยป้องกันการเกิดโรคต่าง ๆ ได้อีกด้วย

มีงานวิจัย ปี 2020 เกี่ยวกับบทบาทของวิตามินดี ในการลดความเสี่ยง ของการติดเชื้อทางเดินหายใจ โรคไข้หวัดใหญ่ และ COVID-19 พบว่า การเสริมร่างกายด้วย วิตามินดี สามารถลดความเสี่ยงของอาการเหล่านี้ได้

และอีกหนึ่งการศึกษา ปี 2022 ที่ให้ผู้เข้าร่วม 26,000 คน ที่มีอาการของโรคภูมิแพ้ตนเอง ได้ทานวิตามินดีอย่างเดียว และทานวิตามิน พร้อมเสริมด้วยไขมันโอเมก้า 3 พบว่า การทานวิตามินดีอย่างเดียว ช่วยลดความเสี่ยงการเกิดโรคแพ้ภูมิตัวเอง ได้ถึง 22%

ในขณะเดียวกัน พบว่า การเสริมร่างกายด้วยกรดไขมันโอเมก้า 3 ที่มีวิตามิน หรือไม่มีวิตามินดี ช่วยลดความเสี่ยงการเกิดโรคแพ้ภูมิตัวเอง ได้เพียง 15%

3.มีส่วนช่วยเรื่องควบคุมน้ำหนัก

งานวิจัย ชี้ให้เห็นว่า สาเหตุของการเกิดโรคอ้วน อาจเป็นเพราะ ร่างกายมีวิตามินดีที่ต่ำจนเกินไป เนื่องจาก วิตามินดี จะเข้าไปควบคุมการทำงาน ของไขมันในร่างกาย และควบคุมระดับของฮอร์โมนที่ส่งผลต่อความหิว เช่น Leptin

ซึ่งมี การศึกษา พบว่า การทานวิตามินดี คู่กับการทานอาหารลดน้ำหนัก ส่งผลให้น้ำหนัก และไขมันในร่างกายลดลง ได้มากกว่าการอาหารลดน้ำหนักเพียงอย่างเดียว

อย่างไรก็ตาม ถึงแม้ว่า การเสริมร่างกายด้วยวิตามินดี อาจจะทำให้น้ำหนัก และมวลไขมันในร่างกายลดลง แต่จากงานวิจัยในปัจจุบัน ก็ยังไม่มีผลสรุปที่แน่ชัดว่า วิตามินดีช่วยลดน้ำหนักได้

4.ลดความเครียด วิตกกังวล และภาวะซึมเศร้า

การได้รับวิตามินดีในปริมาณที่พอเหมาะ อาจจะช่วยลดความเสี่ยงของโรคอารมณ์แปรปรวนตามฤดูกาล (Seasonal Affective Disorder) โดยเฉพาะ ในช่วงฤดูหนาว ที่อาจจะไม่ได้รับแสงแดดเต็มที่ ทำให้วิตามินดีผลิตน้อยลง จนอาจส่งผลต่อการทำงานของสารสื่อประสาท อย่าง เซโรโทนิน

รวมถึง งานวิจัย ชี้ให้เห็นว่า การที่ร่างกายได้รับวิตามินในระดับต่ำเกินไป ก็อาจจะส่งผลด้านอารมณ์ ความเครียด ความวิตก และอาการซึมเศร้า ที่เพิ่มขึ้นตามไปด้วย

โดยมีผลสรุป รวม งานวิจัย 25 ฉบับ และผู้เข้าร่วมทั้งหมด 7,534 คน พบว่า การเสริมด้วยวิตามินดี จะช่วยลดอารมณ์ด้านลบ ที่เป็นสาเหตุของความเครียด ความวิตกกังวล กับผู้ที่มีภาวะซึมเศร้า

ซึ่งหมายความว่า วิตามินดี 3 ก็เป็นส่วนช่วยสำคัญ ที่ทำให้สมองหลั่งสารสื่อประสาท เซโรโทนิน ที่ช่วยควบคุมอารมณ์ ทำให้รู้สึกอารมณ์ดี ลดความเครียด ความวิตกกังวล และช่วยลดภาวะซึมเศร้าได้

5.ช่วยดูแลสุขภาพโดยรวม

นอกจากนี้ วิตามินดี ก็ยังเป็นตัวช่วยดูแลสุขภาพได้โดยรวมอีกด้วย เช่น

ลดความเสี่ยงของ โรคเบาหวานประเภทที่ 2 จากการศึกษา พบว่า การเสริมร่างกายด้วย วิตามินดี ก็ช่วยเพิ่มไวของอินซูลิน ช่วยให้ร่างกายเผาผลาญน้ำตาลได้ดีขึ้น ช่วยลดอาการอักเสบ และช่วยการทำงานของเบต้าเซลล์ ให้เป็นไปตามปกติ

ลดความเสี่ยงเกี่ยวกับโรคหัวใจ และหลอดเลือด เช่น ความดันโลหิตสูง โรคหัวใจ โรคหลอดเลือดสมอง และภาวะหัวใจล้มเหลวได้

โดยการศึกษา ในปี 2019 มีผู้เข้าร่วมที่เป็นผู้ขาดวิตามินดี 1,687 คน พบว่า ในกลุ่มคนที่อายุ 50 ปีขึ้นไป หรือผู้ที่เป็นโรคอ้วน วิตามินดี จะช่วยลดความดันโลหิตซีสโตลิก

ลดความเสี่ยงของการเกิดโรคมะเร็ง มีงานวิจัย เกี่ยวกับวิตามินดี พบว่า วิตามินดี อาจช่วยป้องกันมะเร็งบางชนิดได้ เช่น มะเร็งเต้านม มะเร็งลำไส้ใหญ่ มะเร็งรังไข่ และมะเร็งต่อมลูกหมาก

ลดอัตราการเกิดโรคปลอกประสาทเสื่อมแข็ง (MS) จากงานวิจัย ปี 2018 หากร่างกายมีวิตามินดีลดลง ก็อาจทำให้เกิดความเสี่ยงของ โรค MS มากขึ้น ทำให้หากร่างกายได้รับวิตามินดี ในปริมาณที่พอดีต่อร่างกาย ก็จะสามารถลดการเกิดโรคปลอกประสาทเสื่อมแข็งได้

ช่วยป้องกันความเสื่อมของสมอง วิตามินดี มีบทบาทสำคัญ ในการทำงานของประสาทการรับรู้ โดยมีงานศึกษา ที่ถูกตีพิมพ์ ปี 2022 ใน The American Journal of Clinical Nutrition ได้ให้ข้อสรุปไว้ว่า การขาดวิตามินดี อาจส่งผลกระทบต่อภาวะสมองเสื่อมได้

ดังนั้น การเสริมร่างกายด้วยวิตามินดี อาจช่วยลดการสะสมของ Amyloid plaques ที่เป็นสาเหตุที่ทำให้เกิดโรคอัลไซเมอร์

บทสรุป

และนี่คือ 5 ประโยชน์ของวิตามินดีที่ควรรู้ ที่เรียกได้ว่า ช่วยดูแลร่างกาย จากภายใน สู่ภายนอกกันเลยทีเดียว เห็นชัดเลยว่า วิตามินดี ประโยชน์ดี ๆ มีมากกว่าที่คิดจริง ๆ

อีกทั้ง การได้รับวิตามินดี ไม่จำเป็นต้องได้รับจากแสงแดดเสมอไป เราก็ยังสามารถเสริมด้วยอาหารวิตามินดีสูงได้อีกด้วย เช่น ปลาแซลมอน ปลาทูน่า ปลาทูสุก ไข่แดง กุ้ง และน้ำมันปลา

แต่หากคนที่อยากได้แหล่ง วิตามินดี แบบครบ ๆ และไม่ต้องยุ่งยาก การเลือกซื้ออาหารเสริมวิตามินดี ก็อาจตอบโจทย์ได้มากกว่า แต่ถ้าไม่รู้จะเลือกซื้อ วิตามินดี ยี่ห้อไหนดี ก็อยากให้ลองอ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่ได้เลย