ส่อง 6 ประโยชน์ของวิตามินซี ที่ดีต่อผิวและระบบภูมิคุ้มกัน

วิตามินซี ชื่อนี้ได้ยินเมื่อไหร่ ก็รู้สึกอร่อย เชื่อว่าหลายคนคงคุ้นเคยกันดี เพราะเป็นหนึ่งในวิตามินที่กินง่ายที่สุด มีรสชาติที่ดี และนอกจากจะกินง่ายแล้ว ประโยชน์ของวิตามินซีก็มีมากมาย เป็นสารอาหารที่สำคัญ มีความจำเป็นอย่างมากต่อร่างกาย ให้ประโยชน์มากมายในด้านสุขภาพ

ภาพจำของวิตามินซี ที่คุณรู้จัก อาจจะนึกถึงผลไม้ ที่อุดมไปด้วยวิตามินซี เช่น ส้ม และอาจจะนึกถึงสรรพคุณบางอย่าง ของวิตามินซี เช่น ช่วยให้คุณหายจากหวัดได้ ซึ่งก็จริง อาจมีส่วนช่วยบ้างนิดหน่อย

แต่วิตามินซี ไม่ได้มีดีแค่อร่อย ไม่ได้ช่วยให้เรื่องหวัดเท่านั้น แต่ยังมีประโยชน์ และสรรพคุณอีกมากมาย ที่จะช่วยให้คุณ มีร่างกาย มีภูมิคุ้มกันที่แข็งแรงมากขึ้น

วันนี้เราจะพาไปเจาะลึก ถึงสรรพคุณ และประโยชน์ครอบจักรวาลของ Vitamin C ช่วยอะไรบ้าง ดีต่อร่างกายอย่างไร ไปดูกัน!

Table of Contents

ประโยชน์ของวิตามินซี [สรุป]

ลดความเสี่ยงในการเป็นโรคเรื้อรัง
ช่วยควบคุมความดันโลหิตสูง
เสริมสร้างสุขภาพผิว บำรุงผิวพรรณ
ป้องกันโรคเกาต์ (Gout)
ช่วยเรื่องการดูดซึม ป้องกันการขาดธาตุเหล็ก
เสริมสร้างภูมิคุ้มกันให้ร่างกาย

วิตามินซี ช่วยอะไร

1.ลดความเสี่ยงในการเป็นโรคเรื้อรัง

วิตามินซี เป็นสารต้านอนุมูลอิสระ (Antioxidant) ที่มีประสิทธิภาพสูงมาก ซึ่งสามารถเสริมสร้างกลไกการป้องกันตัวเอง ตามธรรมชาติของร่างกาย ให้ดีได้ยิ่งขึ้น

ต้องเกริ่นก่อนว่า อนุมูลอิสระ (Free radicals) เป็นตัวการทำลายเซลล์ให้เสื่อมสภาพ เมื่ออนุมูลอิสระเกิดการสะสมขึ้น สามารถเป็นตัวกระตุ้นสภาวะหนึ่ง ที่เรียกว่า Oxidative stress ซึ่งมีความเชื่อมโยง กับโรคเรื้อรังหลายชนิด เช่น โรคหัวใจ มะเร็ง เป็นต้น

มีการศึกษา พบว่า เมื่อทานวิตามินซีมากขึ้น ร่างกายมีปริมาณสาร Antioxidant ในเลือดเพิ่มขึ้นถึง 30% ช่วยในการต่อสู้กับอนุมูลอิสระ ทำให้มีความเสี่ยงในการเกิดโรคต่าง ๆ น้อยลงได้

2.ช่วยควบคุมความดันโลหิตสูง

โรคความดันโลหิตสูง เป็นอาการที่พบได้บ่อยในคนทั่วไป ไม่ว่าจะเป็นผู้สูงอายุ หรือวัยทำงาน ก็สามารถเป็นได้หมด โดยความดันโลหิตสูง ทำให้คุณเสี่ยงต่อโรคหัวใจ ซึ่งเป็นสาเหตุการเสียชีวิตอันดับต้น ๆ ทั่วโลก

จากการศึกษา พบว่า วิตามินซี อาจช่วยลดความดันโลหิตได้ ทั้งในผู้ที่มีและไม่มีความดันโลหิตสูง

โดยจากการศึกษา ทดลองในสัตว์ พบว่า วิตามินซี ช่วยผ่อนคลายหลอดเลือดที่นำเลือดจากหัวใจ ซึ่งช่วยลดระดับความดันโลหิตได้

นอกจากนี้ ยังมีการศึกษาในคน ที่พบว่า วิตามินซี สามารถช่วยลดความดันโลหิต Systolic (ค่าบน) ได้ 3.8 มม.ปรอท และความดันโลหิต Diastolic (ค่าล่าง) โดยเฉลี่ย 1.5 มม.ปรอท ในผู้ใหญ่ที่มีสุขภาพดี

ส่วนในผู้ใหญ่ที่มีความดันโลหิตสูง การใช้วิตามินซี จะช่วยลดความดันโลหิต Systolic ได้ 4.9 มม.ปรอท และลดความดันโลหิต Diastolic ได้โดยเฉลี่ย 1.7 มม.ปรอท (อ้างอิงจาก Healthline)

Neil Paulvin, D.O. แพทย์ผู้เชี่ยวชาญ กล่าวว่า วิตามินซี มีประโยชน์อย่างมากต่อสุขภาพของหัวใจ ซึ่งจะช่วยควบคุมความดันโลหิตได้ และลดความเสี่ยงของโรคหัวใจได้ด้วย

แม้ว่าโดยทั่วไปแล้ว ผลลัพธ์เหล่านี้จะมีแนวโน้มดีมาก แต่ก็ยังไม่มีความชัดเจน ว่าวิตามินซีสามารถลดความดันโลหิตได้ในระยะยาวหรือไม่ แนะนำว่า หากคุณเป็นผู้ที่มีความดันโลหิตสูง ไม่ควรพึ่งพาวิตามินซีเพียงอย่างเดียวในการรักษา ควรกินเป็นอาหารเสริมเพื่อสุขภาพเท่านั้น

3.เสริมสร้างสุขภาพผิว บำรุงผิวพรรณ

สรรพคุณวิตามินซี อีกหนึ่งอย่าง คือ บำรุงผิวพรรณ เสริมสร้างสุขภาพผิวที่ดี คุณอาจจะคุ้นเคยแค่กับคอลลาเจนเป็นหลัก จะช่วยให้ผิวพรรณเนียวสวย ผิวใส สุขภาพดี แต่นอกเหนือจากคอลลาเจน ก็ยังมีวิตามินซี ที่มีประโยชน์ในการดูแลผิวเช่นกัน

อย่างในรูปแบบเซรั่มวิตามินซี ที่หลาย ๆ คนรู้จักกันดีอยู่แล้วว่าช่วยบูสต์ผิวขาวใส แถมยังมีฤทธิในการกระตุ้นการผลิตคอลลาเจน ซึ่งเป็นส่วนประกอบสำคัญของผิวหนังได้อีกด้วย

โดยวิตามินซี สามารถปรับปรุงลักษณะโดยรวมของผิว และเพิ่มความยืดหยุ่นของผิวได้ Dr. Paulvin ได้ตั้งข้อสังเกตว่า วิตามินซีทั้งในรูปแบบอาหาร และยาทาเฉพาะที่ สามารถช่วยปกป้องผิวจากผลเสียของรังสี UV ได้

และมีงานตีพิมพ์จาก American Journal of Clinical โดยเก็บผลจากผู้หญิงวัย 40-74 ปี พบว่ามีความเชื่อมโยงของสภาพผิวที่ดูอ่อนวัย เมื่อทานวิตามินซีในปริมาณที่สูงขึ้น

หากคุณอายุมากขึ้น การผลิตคอลลาเจนก็จะลดลง ส่งผลให้เกิดริ้วรอย และสัญญาณแห่งวัยอื่น ๆ ใครอยากหน้าใส ดูอ่อนกว่าวัย วิตามินซีเป็นตัวช่วยที่ตอบโจทย์

4.ป้องกันโรคเกาต์ (Gout)

ใครจะไปคิด ว่าประโยชน์วิตามินซี จะช่วยป้องกันโรคเกาต์ได้ด้วย โดยวิตามินซี อาจช่วยลดระดับกรดยูริกในเลือดได้ ซึ่งอาจช่วยป้องกันอาการกำเริบของโรคเกาต์ ที่เป็นโรคข้ออักเสบประเภทหนึ่ง มักมีอาการปวดอย่างรุนแรง และอักเสบในข้อต่อ

สิ่งที่น่าสนใจ คือ วิตามินซี อาจช่วยป้องกันการเกิดโรคเกาต์ได้เช่นกัน จากการทดลอง พบว่าการเสริมวิตามินซี 500 mg ต่อวัน ช่วยลดความเสี่ยงในการเป็นโรคเกาต์ได้ถึง 12%

5.ช่วยเรื่องการดูดซึม ป้องกันการขาดธาตุเหล็ก

รู้หรือไม่? ว่าวิตามินซี สามารถเพิ่มการดูดซึมธาตุเหล็ก ประเภท Nonheme iron ได้ดีขึ้น ซึ่งเป็นธาตุเหล็กชนิดหนึ่ง ที่พบในอาหารจากพืชเป็นหลัก ร่างกายดูดซึมไปใช้ได้ยาก แต่เมื่อประสิทธิภาพในการดูดซึมดีขึ้น อาจช่วยป้องกันภาวะโลหิตจาง จากการขาดธาตุเหล็กได้ด้วย

ซึ่งภาวะขาดธาตุเหล็ก เป็นภาวะหนึ่ง ที่ส่งผลต่อความสามารถของร่างกาย ในการผลิตเซลล์เม็ดเลือดแดงที่แข็งแรง ทำให้เกิดอาการต่าง ๆ ตามมา เช่น เหนื่อยล้า วิงเวียนศีรษะ ผิวซีด และมีอาการมือ หรือเท้าเย็น

ผลการศึกษา พบว่า เมื่อบริโภควิตามินซี ร่วมกับธาตุเหล็กในปริมาณหนึ่ง การดูดซึมธาตุเหล็กจะเพิ่มขึ้นมากกว่า 8 เท่า และการบริโภควิตามินซีเพียง 100 มก. อาจช่วยเพิ่มการดูดซึมธาตุเหล็กได้ถึง 67%

6.เสริมสร้างภูมิคุ้มกันให้ร่างกาย

Bridgitte Mallinson นักโภชนาการ กล่าวว่า วิตามินซี เป็นสารต้านอนุมูลอิสระที่มีประสิทธิภาพ ซึ่งช่วยปกป้องเซลล์ของเรา จากการทำร้ายของอนุมูลอิสระ

โดยโมเลกุลของอนุมูลอิสระที่มากเกินไป จะสะสมเป็น Oxidative stress ซึ่งส่งผลให้เกิดการเจ็บป่วยเรื้อรังต่าง ๆ ตามมามากมาย

แต่วิตามินซีจะปกป้องเราจากสิ่งนั้น โดยการช่วยเสริมสร้างภูมิคุ้มกัน สำหรับป้องกัน Oxidative stress และช่วยเสริมการทำงานของเซลล์ภูมิคุ้มกัน ให้มีกลไกการป้องกันตัวเองที่ดีขึ้น

วิตามินซี จึงมักถูกขนานนามว่าเป็นวิธีการรักษาตามธรรมชาติ สำหรับโรคไข้หวัด แม้ว่าการวิจัยจะขัดแย้งกับคำกล่าวอ้างนี้ แต่สังเกตได้ชัดว่า เวลาป่วย แล้วกินวิตามินซี ก็ช่วยให้อาการหวัดดีขึ้นได้จริง สาเหตุหนึ่งอาจเป็นเพราะวิตามินซี ช่วยสร้างภูมิคุ้มกันร่างกาย ทำให้มีกลไกการป้องกันตัวเองที่ดีขึ้นได้นั่นเอง

และทั้งหมดนี้คือประโยชน์ของวิตามินซีทั้ง 6 อย่าง ที่เรียกได้ว่ามีสรรพคุณมากมาย ครอบจักรวาลจริง ๆ เสริมสร้างสุขภาพให้แข็งแรงได้ ตั้งแต่ภายในสู่ภายนอก

เพราะวิตามินซี ไม่ได้มีดีแค่อร่อย แต่ยังให้คุณประโยชน์ต่อร่างกายหลายอย่าง และต่อให้คุณสุขภาพแข็งแรงดี ไม่มีข้อบกพร่องใด ๆ ก็สามารถกินวิตามินซีได้อย่างปลอดภัย มีทั้งชนิดเม็ด และวิตามินซีแบบชงดื่ม

เพราะสุขภาพร่างกายของเราเป็นสิ่งมีค่า บำรุงเอาไว้ก่อนย่อมดีกว่าเสมอ หากไม่รู้จะซื้อ วิตามินซี ยี่ห้อไหนดี ตามมาส่องลิสต์ Vitamin C ตัวท็อปเพิ่มเติมได้ในบล็อกของเราเลย

อ้างอิง

https://www.forbes.com/health/body/vitamin-c-benefits/#footnote_4

https://www.healthline.com/nutrition/vitamin-c-benefits

https://www.webmd.com/diet/features/the-benefits-of-vitamin-c