วันนี้เราจะพาทุกคนมารู้กับคลีนซิ่ง ความสำคัญของการใช้คลีนซิ่งทำความสะอาดผิวหน้า และวิธีเลือกคลีนซิ่งที่เหมาะกับสภาพผิวของตัวเองมากที่สุด
คลีนซิ่ง คืออะไร
คลีนซิ่ง คือ ผลิตภัณฑ์เช็ดทำความสะอาดเครื่องสำอาง หรือ ที่รู้จักกันในชื่อ makeup remover คลีนซิ่งถือว่าเป็นสิ่งจำเป็นมาก ทั้งในคนที่แต่งหน้าและไม่แต่งหน้า
เนื่องจากการล้างหน้าด้วยโฟมล้างหน้าอย่างเดียวไม่เพียงพอ คลีนซิ่งจะเป็นตัวช่วยในการขจัดคราบเครื่องสำอาง ครีมกันแดด ที่กันน้ำ รวมไปถึงช่วยทำความสะอาดผิวหน้าจากฝุ่น ควัน มลภาวะที่เกาะบนผิวหน้าได้อีกด้วย
ทำให้ผิวหน้าสะอาดหมดจด ไม่ก่อให้เกิดการอุดตันจากสิ่งสกปรกจนเกิดสิว โดยคลีนซิ่งนั้นมีหลายรูปแบบ ทั้งสูตรน้ำ น้ำนม ออยล์ หรือบาล์ม ควรเลือกให้เหมาะกับสภาพผิว
ทำไมคลีนซิ่งจึงสำคัญ
คลีนซิ่งถือว่าเป็นขั้นตอนแรกของการดูแลผิวหน้า โดยหน้าที่หลักของคลีนซิ่ง คือ จะช่วยขจัดคราบสิ่งสกปรก ความมันส่วนเกิน รวมไปถึงช่วยขจัดคราบเครื่องสำอางบนใบหน้าของเรา ให้สะอาดหมดจด อีกทั้งยังเป็นการเตรียมผิวของเราให้พร้อม สู่ขั้นตอนการลงผลิตภัณฑ์บำรุงผิวอื่น ๆ ในลำดับถัดไป
คลีนซิ่งมีสารทำความสะอาดที่เรียกว่า surfactants ซึ่งสารนี้จะมีส่วนที่ชอบน้ำ และไม่ชอบน้ำ โดยวิธีการดึงสิ่งสกปรกออกจากใบหน้า คือ ขณะทำความสะอาด ส่วนที่ไม่ชอบน้ำของสารลดแรงตึงผิวจะเกาะติดกับน้ำมันหรือไขมัน และส่วนที่ชอบน้ำจะเกาะติดกับน้ำและสร้างโครงสร้างที่เรียกว่า ไมเซลล์
วิธีการเลือกคลีนซิ่งที่ดี
เพื่อผิวสุขภาพดี ควรเลือกคลีนซิ่งที่มีคุณสมบัติ ดังต่อไปนี้
- เนื้อคลีนซิ่งบางเบา
- อ่อนโยนต่อผิว
- ปราศจากน้ำหอม
- Non-comedogenic
- Sulfate Free
Beauty tips: ควรทำความสะอาดผิวหน้าเป็นประจำทุกเช้า – เย็น และหลังจากออกกำลังกาย |
ประเภทของคลีนซิ่งกับสภาพผิว
คลีนซิ่งเจล
คลีนซิ่งเจลเหมาะกับ ผิวปกติ ผิวผสม ผิวมัน ผิวเป็นสิว เนื้อคลีนซิ่งเจลจะมีความบางเบา อ่อนโยน สามารถทำความสะอาดผิวได้อย่างล้ำลึก ช่วยขจัดความมันตามรูขุมขนได้อย่างดี และไม่ทำให้ผิวแห้งตึงเกินไปหลังล้างหน้าเสร็จ
คลีนซิ่งบาล์ม
คลีนซิ่งบาล์มเหมาะกับ ผิวแห้ง ผิวแพ้ง่าย คลีนซิ่งบาล์มเนื้อจะมีความเข้มข้น ช่วยให้ความชุ่มชื้นแก่ผิวได้ดีจึงเหมาะกับคนผิวแห้ง อ่อนโยนต่อผิว ไม่ต้องใช้กับสำลีทำให้ผิวไม่เกิดการเสียดสี คลีนซิ่งครีมเนื้อจะมีความหนัก ควรเลือกสูตร non-comedogenic เพื่อไม่ให้อุดตันรูขุมขน
คลีนซิ่งน้ำนม
คลีนซิ่งน้ำนม เหมาะกับ ผิวปกติ ผิวแห้ง ผิวแพ้ง่าย เนื้อสัมผัสเนียนนุ่ม บางเบา อ่อนโยนต่อผิว คลีนซิ่งมิลค์สามารถขจัดสิ่งสกปรกได้ดี ช่วยเติมความชุ่มชื้นให้ผิว ไม่ทำให้ผิวแห้งตึง เหมาะกับวันที่แต่งหน้าเบา ๆ ถ้าวันไหนแต่งหน้าจัดไม่แนะนำน้า
คลีนซิ่งวอเตอร์
คลีนซิ่งวอเตอร์เหมาะกับ ผิวปกติ ผิวมัน ผิวผสม ผิวเป็นสิว สัมผัสคลีนซิ่งวอเตอร์แบบน้ำให้ความเบาสบายผิว เช็ดทำความสะอาดแล้วไม่เหนียวเหนอะเนอะ ไม่ทิ้งความมันไว้บนใบหน้า ควรเลือกใช้คู่กับสำลีที่อ่อนโยน ไม่บาดผิว
คลีนซิ่งออย
คลีนซิ่งออยล์ เหมาะกับ ผิวแห้ง ผิวแพ้ง่าย เหมาะกับสาว ๆ ที่แต่งหน้าจัด คลีนซิ่งออยล์สามารถขจัดคราบสิ่งสกปรกได้ดียันรูขุมขน ขจัดได้แม้คราบเครื่องสำอางกันน้ำ การใช้ออยล์ทำความสะอาดหน้าถือเป็นอีกหนึ่งวิธีที่อ่อนโยน อีกทั้งยังช่วยปรับสมดุล และรักษาค่า pH ให้แก่ผิวอีกด้วย
วิธีเลือกคลีนซิ่งผิวมัน
ผิวมัน เกิดจากการที่ต่อมไขมันในชั้นผิวหนังของผิวจะหลั่งไขมันมากกว่าปกติ เมื่อต่อมไขมันทำงานมากเกินไป จะผลิตน้ำมันส่วนเกินที่นำไปสู่ผิวมัน จนทำให้รูขุมขนบนใบหน้ากว้างขึ้น เพื่อให้น้ำมันระบายบนชั้นผิวได้ดีขึ้น เมื่อรูขุมขนกว้างขึ้น มักเกิดปัญหาของสิวตามมา โดยเฉพาะสิวอุดตัน ทำให้สาวผิวมันมีโอกาสที่จะเป็นสิว ได้ง่ายกว่าสภาพผิวอื่น ๆ
มิสซี่เชื่อว่าสาว ๆ หลายคนคงเจอกับปัญหาผิวแบบแพ็คคู่นี้กวนใจอยู่แน่ ๆ เพราะ เมืองไทยมีอากาศที่ร้อน ทำให้หน้ามันไวนั่นเอง ลักษณะที่สังเกตได้ง่ายของ คนผิวมัน คือ ผิวดูวาว เยิ้มไวกว่าปกติ โดยเฉพาะเวลาหลังล้างหน้า ผ่านไปเพียง 1-2 ชม. หน้าก็เริ่มกลับมามันแล้ว
ผิวมันจะเกิดได้หลายลักษณะ เช่น บางคนผิวมันเฉพาะช่วง T-zone หรือ ตั้งแต่หน้าผาก ไล่ลงมาที่จมูก จนถึงคาง มากกว่าจุดอื่น แต่บางคนมีความมันทั่วใบหน้าเท่ากัน โดยผิวมันอาจเกิดจากปัจจัยอื่น ๆ อีก เช่น พ้นธุกรรม การเปลี่ยนแปลงของฮอร์โมน สภาพอากาศ ความเครียด
รวมไปถึงการเลือกผลิตภัณฑ์บำรุงผิว และ ผลิตภัณฑ์ทำความสะอาดผิว ที่ไม่เหมาะกับตัวเอง ดังนั้นการเลือกคลีนซิ่ง สำหรับคนผิวมัน ควรมีวิธีการเลือก ดังนี้
- เลือกคลีนซิ่งที่สามารถกำจัดไขมันส่วนเกินได้ แต่ไม่ทำให้ผิวแห้งตึงจนเกินไป จะทำให้ผิวสะอาดหมดจด ไม่มีปัญหาสิวตามมา และไม่เป็นการทำร้ายผิว
- เลือกคลีนซิ่งที่ไม่มีส่วนผสมของน้ำมัน หรือ Oil free เนื่องจากจะยิ่งทำให้ผิวมันเพิ่ม และเป็นสาเหตุหนึ่งที่ทำให้เกิดสิวตามมา
- เลือกคลีนซิ่งที่ไม่ก่อให้เกิดการอุดตัน เนื่องจากคนผิวมันจะมีรูขุมขนกว้าง ทำให้สิ่งสกปรกไปอุดตันได้ง่าย ถ้าหากทำความสะอาดไม่ดีพอ
Beauty tips: สาวผิวมันแนะนำเลือกคลีนซิ่งสูตรน้ำ เนื้อบางเบา ไม่ก่อให้เกิดการอุดตัน |
สิ่งที่ควรมีในคลีนซิ่ง สำหรับผิวมัน
-ควรมีสารที่สามารถขจัดความมันส่วนเกินได้ เช่น Salicylic Acid เป็นกรดเบต้าไฮดรอกซีที่ช่วยขจัดน้ำมันส่วนเกินออกจากผิวหนัง ช่วยผลัดเซลล์ผิวที่ตายแล้ว และ Benzoyl peroxide เป็นต้น
– ควรมีสารที่ช่วยผลัดเซลล์ผิว และลดการอุดตันของรูขุมขน เช่น Glycolic acid เป็นกรดอัลฟาไฮดรอกซี (AHA) ช่วยป้องกันการอุดตันรูขุมขนที่นำไปสู่การเกิดสิวนอกจากนี้ยังช่วยผลัดเซลล์ผิวได้อย่างดีเยี่ยม มีประโยชน์อย่างยิ่งสำหรับผิวมัน
-ควรมีค่า pH Balance ของคลีนซิ่ง ที่ใกล้เคียงกับผิวของเรามากที่สุด คือ ค่า ph 4.5-5.7 เพื่อไม่ให้ทำลายเกราะป้องกันผิว ทำให้ผิวแข็งแรง
-ควรมีสารให้ความชุ่มชื้น เพื่อไม่ให้ผิวแห้งตึงเกินไป เช่น Hyaluronic Acid , Ceramides , Glycerin หรือ น้ำมันจากธรรมชาติ เช่น Squalane , Shea Butter , Jojoba เป็นต้น
วิธีเลือกคลีนซิ่งผิวผสม
สำหรับคนผิวผสม เป็นผิวที่มีสองลักษณะ คือ
1.มีความมันช่วงบริเวณ T-zone หรือ ช่วงหน้าผาก จมูก และคาง บริเวณเหล่านี้จะมีรูขุมขนกว้าง ทำให้เกิดการอุดตันของสิ่งสกปรกได้ง่าย
2.ช่วงหน้าแก้มจะเป็นผิวธรรมดา จนถึงผิวแห้ง
สาเหตุของผิวผสมเกิดจาก การผลิตน้ำมันของต่อมน้ำมันใต้ผิวหนัง ผลิตน้ำมันออกมามากเกินไปบริเวณ T-zone เนื่องจากบริเวณนี้ต่อมไขมันจะใหญ่กว่าปกติ และทำงานมากกว่าปกติ ทำให้เกิดปัญหาสิวตามมา เหมือนกันคนผิวมัน
ส่วนช่วงหน้าแก้ม ไปจนถึงข้างแก้ม เกิดจากการที่สมดุลของไขมันผิดปกติ จนขาดน้ำมัน ทำให้หน้าแห้ง ขาดความชุ่มชื่น จนทำให้หน้าลอกเป็นขลุย ยิ่งหลังล้างหน้าเสร็จจะสังเกตได้ว่า บริเวณนี้จะแห้งเป็นพิเศษ
ถือว่าต้องเลือกคลีนซิ่งให้ตอบโจทย์ กับผิวทั้งสองบริเวณ ดังนั้นการเลือกคลีนซิ่ง สำหรับคนผิวผสม ควรมีวิธีการเลือก ดังนี้
- เลือกคลีนซิ่งที่สามารถกำจัดไขมันส่วนเกินได้ แต่ไม่ทำให้ผิวแห้งตึงจนเกินไป จะทำให้ผิวสะอาดหมดจด ไม่มีปัญหาสิวตามมา และไม่เป็นการทำร้ายผิว
- เลือกคลีนซิ่งที่ปรับสมดุลให้กับผิว เนื่องจากผิวผสมถือว่าเป็นผิวที่รวมทุกประเภทของผิวไว้ในหนึ่งเดียว มีส่วนที่มันเฉพาะช่วง T-zone มีส่วนที่แห้งที่หน้าแก้ม ไปจนถึงข้างแก้ม
- เลือกใช้คลีนซิ่งได้มากกว่า 1 สูตร เพื่อให้เหมาะกับผิวหน้าบริเวณนั้น เช่น ผิวหน้าที่มีความมันเยอะ บริเวณ T-zone ให้ใช้คลีนซิ่งที่เหมาะกับคนผิวมัน เพื่อช่วยขจัดความมัน ที่จะไปอุดตันในรูขุมขน ส่วนผิวหน้าบริเวณหน้าแก้ม และข้างแก้ม ที่ค่อนข้างแห้งตึง จนเกิดขุย ให้ใช้คลีนซิ่งที่เหมาะกับคนผิวแห้ง เพื่อช่วยเติมความชุ่มชื่น ผิวไม่แห้งตึงหลังล้างหน้า
Beauty tips: แนะนำเลือกคลีนซิ่งสูตรน้ำนม หรือ คลีนซิ่งบาล์ม เพราะสามารถกำจัดความมันส่วนเกินได้ดี แต่ยังคงกักเก็บความชุ่มชื้นให้กับผิว |
สิ่งที่ควรมีในคลีนซิ่ง สำหรับผิวผสม
-ควรมีสารที่ช่วยควบคุมความมัน สามารถขจัดความมันส่วนเกินได้ เช่น Zinc PCA , Niacinamide , Witch Hazel เป็นต้น หรือเลือกสูตรที่มีคำว่า Oil free ร่วมด้วย
-ควรมีค่า pH Balance ของคลีนซิ่ง ที่ใกล้เคียงกับผิวของเรามากที่สุด คือ ค่า ph 4.5-5.7 เพื่อไม่ให้ทำลายเกราะป้องกันผิว และผิวกลับมาสมดุล
-ควรมีสารให้ความชุ่มชื้น เพื่อไม่ให้ผิวแห้งตึงเกินไป เช่น Hyaluronic Acid , Ceramides , Glycerin หรือ น้ำมันจากธรรมชาติ เช่น Squalane , Shea Butter , Jojoba เป็นต้น
วิธีเลือกคลีนซิ่งสำหรับคนเป็นสิว
สำหรับคนเป็นสิว สาเหตุหลัก ๆ ที่ทำให้เกิดสิวมีด้วยกัน 3 อย่าง คือ
1.การเปลี่ยนแปลงของฮอร์โมน เช่น การเริ่มเข้าสู่วัยรุ่น หรือ ก่อนการมีประจำเดือน เป็นต้น
2. การผลิตน้ำมันในชั้นผิวมากเกินไป
3.การอุดตันของสิ่งสกปรกในรูขุมขน อาจเกิดมาจากการแต่งหน้าด้วยเครื่องสำอาง การทาครีมกันแดด หรือแม้กระทั้งจากฝุ่น ควัน และมลภาวะ
หากล้างหน้าหรือทำความสะอาดผิวหน้าไม่หมดจดพอ อาจทำให้เกิดการอุดตันและนำไปสู่การเกิดสิว ดังนั้นการเลือกคลีนซิ่งสำหรับคนเป็นสิว ควรมีวิธีการเลือก ดังนี้
- เลือกคลีนซิ่งสำหรับคนเป็นสิว เพราะจะมีส่วนประกอบสำคัญหลาย ๆ อย่างที่มีส่วนช่วยในการรักษาสิว เหมาะกับคนเป็นสิวโดยเฉพาะ
- เลือกคลีนซิ่งสูตรอ่อนโยน อีกหนึ่งปัญหาของคนที่เป็นสิว คือ แพ้ส่วนผสมในผลิตภัณฑ์ ทำให้เกิดการระคายเคืองของผิว เพราะฉะนั้นจึงต้องเลือกคลีนซิ่งสูตรอ่อนโยน เพราะ จะผ่านการทดสอบการระคายเคืองจากแพทย์ผิวหนัง จึงปราศจากสารที่ก่อให้เกิดความระคายเคืองผิว เช่น แอลกอฮอล์ , น้ำหอม , พาราเบน , SLS , Mineral Oil เป็นต้น
- เลือกคลีนซิ่งที่ไม่มีส่วนผสมของน้ำมัน หรือ Oil free เนื่องจากจะทำให้ผิวมันเพิ่ม ซึ่งเป็นสาเหตุหนึ่งที่ทำให้เกิดสิว
- เลือกคลีนซิ่งที่ไม่ก่อให้เกิดการอุดตัน เนื่องจากสิ่งสกปรกมักเข้าไปอุดตันในรูขุมขนได้ง่าย ถ้าหากทำความสะอาดไม่ดีพอ
Beauty tips: แนะนำเลือกคลีนซิ่งวอเตอร์ หรือ คลีนซิ่งเจล เพราะเนื้อมีความบางเบา อ่อนโยนต่อผิว |
สิ่งที่ควรมีในคลีนซิ่ง สำหรับคนเป็นสิว
– ควรมีสารกำจัดเชื้อแบคทีเรีย ที่เป็นสาเหตุของการเกิดสิว เช่น Tea Tree Oil , Copper sulfate , Zinc gluconate , Centella Asiatica เป็นต้น
-ควรมีสารที่ช่วยผลัดเซลล์ผิว และเคลียร์รูขุมขน เช่น Salicylic Acid เป็นต้น รวมไปถึงการมี นวัตกรรมที่ช่วยลดการอุดตันของรูขุมขน เช่น นวัตกรรม Micellar หรือเลือกที่มีคำว่า Non-Comedogenic
-ควรมีค่า pH Balance ของคลีนซิ่ง ที่ใกล้เคียงกับผิวของเรามากที่สุด คือ ค่า ph 4.5-5.7 เพื่อไม่ให้ทำลายเกราะป้องกันผิว ทำให้ผิวแข็งแรง
-ควรมีสารให้ความชุ่มชื้น เพื่อไม่ให้ผิวแห้งตึงเกินไป เช่น Hyaluronic Acid , Ceramides , Glycerin หรือ น้ำมันจากธรรมชาติ เช่น Squalane , Shea Butter , Jojoba เป็นต้น
วิธีเลือกคลีนซิ่งผิวแพ้ง่าย
ผิวแพ้ง่าย เป็นผิวที่ไวต่อการกระตุ้นของสิ่งเราภายนอก มากกว่าผิวประเภทอื่น เช่น ฝุ่นควัน สารเคมี สำลี เครื่องสำอาง สกินแคร์ต่าง ๆ ทำให้เกิดการแพ้ขึ้นกับผิว
ลักษณะของผิวแพ้ง่าย คือ จะบอบบางเป็นพิเศษ ระคายเคืองได้ง่าย มักมีผื่นแดงบริเวณที่แพ้ อักเสบง่าย และเกิดอาการแห้งลอก ทำให้คัน ผิวแพ้ง่ายเกิดจาก การที่เกราะป้องกันผิวไม่แข็งแรง มักเกิดหลังจากการสัมผัสจากสิ่งที่ทำให้แพ้
สาว ๆ ผิวแพ้ง่าย จึงควรหลีกเลี่ยงที่จะสัมผัส กับสิ่งกระตุ้นที่ทำให้เกิดอาการแพ้เหล่านี้ ต้องระมัดระวังในการเลือก เครื่องสำอาง ครีมบำรุง ไปจนถึงผลิตภัณฑ์ล้างหน้ามากขึ้น ว่าไม่มีสารที่ก่อให้เกิดการแพ้
อาจเลือกผลิตภัณฑ์สูตรสำหรับผิวแพ้ง่ายโดยเฉพาะ เพราะจะผ่านการทดสอบจากแพทย์ผิวหนังแล้ว ว่าก่อให้เกิดการแพ้น้อย แต่ถ้าหากใช้ผลิตภัณฑ์ใดแล้วเกิดอาการแพ้ ให้หยุดใช้ผลิตภัณฑ์นั้น ๆ และควรไปปรึกษาแพทย์ถึงสาเหตุของอาการแพ้
ยิ่งเรารู้สาเหตุของอาการแพ้ หรือ รู้ว่าแพ้สารตัวใด จะยิ่งทำให้เราเข้าใจปัญหาของผิว แล้วเลือกใช้ผลิตภัณฑ์ได้เหมาะกับผิวมากขึ้น ดังนั้นการเลือกคลีนซิ่ง สำหรับคนผิวแพ้ง่าย ควรมีวิธีการเลือก ดังนี้
- เลือกคลีนซิ่งสูตรสำหรับ ผิวแพ้ง่าย เพราะจะมีส่วนประกอบที่ไม่ทำให้เกิดการระคายเคืองง่าย และ มีคุณสมบัติที่ช่วยปลอบประโลมผิวได้ดี
- เลือกคลีนซิ่งสูตรอ่อนโยน ปัญหาของผิวแพ้ง่าย คือ จะแพ้ส่วนผสมในผลิตภัณฑ์ ทำให้เกิดการระคายเคืองของผิว เพราะฉะนั้นจึงต้องเลือกคลีนซิ่งสูตรอ่อนโยน เพราะ จะผ่านการทดสอบการระคายเคืองจากแพทย์ผิวหนัง จึงปราศจากสารที่ก่อให้เกิดความระคายเคืองผิว
Beauty tips: แนะนำเลือกคลีนซิ่งสูตรเจล หรือ คลีนซิ่งน้ำนม เพราะเนื้อบางเบา ไม่ไปรบกวนผิว และ ช่วยป้องกันไม่ให้ผิวระคายเคือง |
สิ่งที่ควรมีในคลีนซิ่ง สำหรับผิวแพ้ง่าย
-ควรเลือกคลีนซิ่งที่ปราศจากสารที่ก่อให้เกิดความระคายเคืองผิว เช่น แอลกอฮอล์ , น้ำหอม , พาราเบน , SLS , Mineral Oil เป็นต้น
-ควรเลือกคลีนซิ่งที่มีสารช่วยให้ผิวแข็งแรง เพราะเป็นการเสริมให้เกราะป้องกันผิวดีขึ้น ถ้าเกิดผิวแข็งแรง จะทำให้เกิดอาการแพ้น้อยลง สารที่ช่วยให้ผิวแข็งแรง เช่น Ceramella , Ceramides เป็นต้น
-ควรมีค่า pH Balance ของคลีนซิ่ง ที่ใกล้เคียงกับผิวของเรามากที่สุด คือ ค่า ph 4.5-5.7 เพื่อไม่ให้ทำลายเกราะป้องกันผิว ปลอบประโลมผิว ทำให้ผิวแข็งแรง
วิธีเลือกคลีนซิ่งผิวแห้ง
ผิวแห้ง จะมีลักษณะผิวแห้งตึง เพราะขาดความชุ่มชื้น ระคายเคืองง่าย ผิวแตก หรือ แห้งจนลอกเป็นขุยได้ง่าย ผิวแห้งเกิดจาก การที่ผิวผลิตน้ำมันออกมาน้อยกว่าปกติจากต่อมไขมันใต้ผิว เนื่องจากขาดกรดไขมันในชั้นผิว ที่ช่วยรักษาความชุ่มชื้น และช่วยสร้างเกราะป้องกันให้ผิวแข็งแรง
เมื่อมีน้ำมันออกมาน้อยกว่าปกติ จึงทำให้ผิวแห้งตึงบริเวณนั้น และยังเกิดจากการสูญเสียน้ำ ผ่านต่อมเหงื่อมากเกินไป อันเนื่องมาจากสภาพอากาศ หรือ ความเครียด นั้นเอง
ผิวแห้งสามารถจำแนกได้เป็น 2 ระดับ ดังนี้
1.ผิวแห้งขาดความชุ่มชื้น
2.ผิวแห้งแตกเป็นขุย จะมีอาการแห้งรุนแรงกว่า จนสังเกตถึงรอยแตกได้
โดยจะพบปัญหาผิวแห้งในผู้หญิงมากกว่าผู้ชาย และยิ่งอายุเพิ่มมากขึ้น ผิวจะยิ่งแห้งขึ้นด้วย
ถ้าหากปล่อยให้ผิวแห้งเป็นระยะเวลานาน อาจนำมาสู่การเกิดริ้วรอยก่อนวัยอันควรได้อีกด้วย ดังนั้นการเลือกคลีนซิ่ง สำหรับคนผิวแห้ง ควรมีวิธีการเลือก ดังนี้
- เลือกคลีนซิ่งที่เติมความชุ่มชื้นให้ผิวได้ดี เพื่อช่วยให้ผิวไม่แห้งตึง ลดการแตกของผิว หรือเกิดขุยบนผิว อาจมีส่วนผสมของน้ำมัน น้ำมันจากธรรมชาติ หรือ สารให้ความชุ่มชื้น
- เลือกคลีนซิ่งสูตรอ่อนโยน เพราะ ผิวแห้งจะเกิดการระคายเคืองได้ง่าย ถ้าหากผิวยิ่งถูกรบกวน ผิวจะยิ่งแดง แห้งแตกมากขึ้น ควรเป็นคลีนซิ่งที่ผ่านการทดสอบการระคายเคืองจากแพทย์ผิวหนัง หรือ แบรนด์เวชสำอางค์ จะยิ่งมั่นใจได้ว่าอ่อนโยน
Beauty tips: แนะนำเลือกคลีนซิ่งสูตรออยล์ ครีม หรือ คลีนซิ่งบาล์ม เพราะจะช่วยเติมความชุ่มชื้นให้ผิวได้ดี แถมยังไม่รบกวนผิวมากไป |
สิ่งที่ควรมีในคลีนซิ่งสำหรับผิวแห้ง
-ควรมีสารให้ความชุ่มชื้นได้เพียงพอ ซึ่งสำคัญต่อคนผิวแห้งมาก เช่น Hyaluronic Acid , Ceramides , Glycerin หรือ น้ำมันจากธรรมชาติ เช่น Squalane , Shea Butter , Jojoba เป็นต้น
-ควรเลือกคลีนซิ่งที่มีสารช่วยให้ผิวแข็งแรง ถ้าหากผิวแข็งแรง จะช่วยให้รอยแตก และ ขุยลดลงได้ เช่น Ceramella , Ceramides เป็นต้น
-ควรมีค่า pH Balance ของคลีนซิ่ง ที่ใกล้เคียงกับผิวของเรามากที่สุด คือ ค่า ph 4.5-5.7 เพื่อไม่ให้ทำลายเกราะป้องกันผิว ทำให้ผิวแข็งแรง
วิธีล้างเครื่องสำอางให้หมดจด
1.เช็ดเปลือกตาและปาก ด้วยคลีนซิ่งออยล์ หรือ Eye and lips remover โดยเฉพาะ จะทำให้คราบเครื่องสำอางที่กันน้ำออกง่ายยิ่งขึ้น
2.ใช้คลีนซิ่งที่เหมาะกับผิวหน้าตัวเอง เช็ดทำความสะอาดผิวหน้าให้หมดจดจนสำลีเป็นสีขาว
3.ล้างหน้าด้วยโฟมล้างหน้าที่ใช้อยู่เป็นประจำ แล้วล้างออกด้วยน้ำเปล่า
4.เช็ดหน้าด้วยโทนเนอร์ เพื่อเป็นการทำความสะอาดผิวอีกหนึ่งรอบ
คำถามที่พบบ่อยเกี่ยวกับคลีนซิ่ง
คลีนซิ่งใช้ตอนไหน?
คลีนซิ่งใช้ก่อนล้างหน้า ตอนที่ผิวยังมีเครื่องสำอาง หรือ กันแดดอยู่ เพื่อเป็นการเช็ดทำความสะอาดผิวหน้า จากคราบเครื่องสำอางค์ กันแดด ฝุ่น ควัน หรือ มลภาวะต่าง ๆ ที่เจอมาตลอดทั้งวัน ก่อนที่จะล้างตามด้วยโฟมล้างหน้าอีกครั้ง
คลีนซิ่งต้องล้างออกไหม?
คลีนซิ่งควรล้างออกด้วยน้ำสะอาด ถึงแม้บางแบรนด์จะเคลมว่าใช้คลีนซิ่งตัวเดียวโดยไม่ต้องล้างน้ำซ้ำ แต่เพื่อเป็นการทำความสะอาดอย่างหมดจด จึงยังควรล้างออกด้วยน้ำสะอาด หรือ ล้างตามด้วยโฟมล้างหน้าอีกครั้ง
คลีนซิ่ง กับโทนเนอร์ ต่างกันยังไง?
คลีนซิ่ง คือ ผลิตภัณฑ์เช็ดทำความสะอาดเครื่องสำอางค์ หรือ ที่รู้จักกันในชื่อ makeup remover คลีนซิ่งจะสามารถขจัดคราบเครื่องสำอางค์ ครีมกันแดด ที่กันน้ำ ฝุ่น ควัน มลภาวะต่าง ๆ ที่เกาะบนผิวหน้าได้
โทนเนอร์ คือ ผลิตภัณฑ์เช็ดทำความสะอาดสิ่งสกปรกบนใบหน้าที่ยังหลงเหลืออยู่ จะช่วยปรับค่า pH ผิวให้อยู่ในสภาวะปกติ พร้อมเปิดรับการบำรุงจากสกินแคร์ ช่วยเติมน้ำให้ผิว รูขุมขนกระชับ
โทนเนอร์กับคลีนซิ่งใช้อะไรก่อน?
ใช้คลีนซิ่งเช็ดทำความสะอาดเครื่องสำอาง หรือ ครีมกันแดดก่อนเป็นอันดับแรก จากนั้นล้างออกด้วยน้ำสะอาด หรือ โฟมล้างหน้า ซับหน้าให้แห้ง จึงค่อยตามด้วยโทนเนอร์
ตอนเช้าต้องใช้คลีนซิ่งไหม?
ตอนเช้าต้องใช้คลีนซิ่งไม่จำเป็นต้องใช้คลีนซิ่ง เพราะตอนเช้าหลังจากเราตื่น ผิวเรายังไม่ได้ทาครีมกันแดด หรือ มีเครื่องสำอางค์บนใบหน้า สามารถใช้แค่โฟมล้างหน้าอย่างเดียวก็ถือว่าเพียงพอ
อ้างอิง
https://skinkraft.com/blogs/articles/best-cleanser-for-oily-skin
https://www.dermstore.com/blog/different-types-of-cleansers/
https://www.mankind.co.uk/blog/grooming-editor/choosing-the-right-cleanser-skin-type/